“รองฯโจ๊ก”ชี้ ตำรวจบกพร่องไม่ยื่นคัดค้านประกันตัวต่างชาติซื้อกามเด็ก จ่อถกทูตเยอรมันถามปมสินบนศุกร์นี้

18155

วันที่ 6 ธ.ค.66 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แถลงข่าวกับสื่อมวลชนถึงการตรวจสอบจากกรณีที่สื่อเยอรมนีออกมาแฉว่า มีขบวนการค้ามนุษย์เด็กในประเทศไทยที่พัทยา รวมทั้งยังเปิดโปงกรณีผู้ต้องหาซื้อบริการทางเพศเด็กชาวเยอรมันที่ถูกตำรวจจับกุมได้ แต่อ้างกับสื่อเยอรมันว่า ได้จ่ายสินบนให้กว่าล้านบาทกับเจ้าหน้าที่รัฐไทย เพื่อแลกกับการปล่อยตัวชั่วคราว ก่อนจะเดินทางหนีออกนอกประเทศไป ว่า ในเรื่องนี้จะต้องมีการแยกการสอบสวนเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือเรื่องของความบกพร่องทางวินัย เนื่องจากพบว่า ตอนที่จับกุมผู้ต้องหาชาวเยอรมันและชาวอเมริกันในคดีนี้ ตำรวจไม่ได้ปฏิบัติตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

กล่าวคือ กรณีจับกุมผู้ต้องหาชาวต่างชาติ ต้องแจ้งกองการต่างประเทศให้รับทราบ เพื่อให้แจ้งไปยังสถานทูตของประเทศนั้น ๆ ว่ามีพลเมืองมากระทำผิดในราชอาณาจักร และไม่ได้แจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ให้เพิกถอนวีซ่าผู้ต้องหา ซึ่งตามปกติจะต้องดำเนินการ เผื่อกรณีที่ผู้ต้องหาได้ประกันตัว ตม. ก็จะอายัดตัวมากักที่ห้องกักของ ตม.ได้ เพื่อป้องกันการหลบหนีออกนอกประเทศ และ ตม. จะนำตัวผู้ต้องหาไปศาลตามนัด เมื่อเสร็จก็จะนำกลับมากักต่อจนกว่าคดีความจะสิ้นสุด

อีกทั้งตอนที่ดำเนินการนำตัว 2 ผู้ต้องหาส่งฝากขังต่อศาล ก็ไม่ได้ยื่นคัดค้านการประกันตัว ทั้งที่ 2 ผู้ต้องหานั้น ถูกแจ้งข้อหาร้ายแรงและเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งเชื่อได้ว่าจะมีพฤติการณ์หลบหนีอย่างแน่นอน

ผลที่ตามมาก็คือ ศาลใช้ดุลพินิจในการให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้งสอง จึงทำให้ผู้ต้องหาทั้งสองไม่ถูกฝากขัง หลังจากนั้นผู้ต้องหาชาวเยอรมันก็ขออนุญาตศาลเดินทางออกนอกราชอาณาจักร โดยอ้างว่ามีความจำเป็นทางธุรกิจต้องกลับไปประเทศเยอรมนี ส่วนผู้ต้องหาชาวอเมริกันเนื่องจากไม่ได้ถูกกักตัวที่ ตม. ตั้งแต่แรก จึงได้เดินทางหลบหนีออกนอกราชอาณาจักรด้วยช่องทางธรรมชาติ

ส่วนที่ 2 คือการดำเนินคดีทางอาญาเรื่องการรับเงินสินบน ในส่วนนี้จากการสอบปากคำทนายความของผู้ต้องหาชาวเยอรมัน ให้การว่าได้รับเงินมาจากชาวเยอรมันจำนวนล้านกว่าบาทจริง แต่เป็นค่าประกันตัวและดำเนินการทางศาล โดยไม่ทราบว่าชาวเยอรมันให้เงิน สินบนกับเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องในคดีนี้นั้น ก็ให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรับรู้เรื่องการให้เงิน ซึ่งเรื่องนี้ถือว่ายังไงก็ไม่มีใครพูด

ตนจึงประสานเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย ให้มาพบกับตนเพื่อพูดคุย หารือในเรื่องของการประสานให้พนักงานสอบสวน เดินทางไปสอบปากคำผู้ต้องหาชาวเยอรมัน ที่ ประเทศเยอรมนี ในวันศุกร์นี้เวลา 14:00 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ในส่วนการดำเนินคดีทั้งสองส่วนนั้น พ.ล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จะต้องดำเนินการสอบสวนทั้งทางวินัยและคดีอาญากับ ผกก.สภ.เมืองพัทยาในเวลานั้น ร่วมกับ รอง ผกก.(สอบสวน) หัวหน้าพนักงานสอบสวน และพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี รวม 3 คน โดยในส่วนทางวินัยนั้น ได้สั่งการให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ดำเนินการสอบวินัยนายตำรวจทั้ง 3 นายนี้แล้ว เพื่อดำเนินการลงโทษทางวินัยต่อไป เนื่องจากบกพร่องในเรื่องของการไม่ประสานกองการต่างประเทศและตำรวจ ตม. ตั้งแต่แรก รวมทั้งไม่ดำเนินการยื่นคัดค้านการประกันตัวแนบท้ายคำร้องขอฝากขัง ส่วนคดีอาญา จะต้องตรวจสอบให้ได้ว่ามีใครรับเงินบ้าง ยืนยันว่า ถ้าพบตำรวจหรือเจ้าหน้าที่รายใดกระทำความผิด ตนเองไม่ช่วยแน่นอนและดำเนินคดีตามกฎหมาย

นอกจากนี้ จะต้องนำตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนกลับมาดำเนินคดีที่ราชอาณาจักร ตนได้สั่งการให้ ผกก.สภ.เมืองพัทยา เร่งขอหมายแดง เพื่อดำเนินการให้ตำรวจสากลติดตามนำตัว 2 ผู้ต้องหามาดำเนินคดีที่ประเทศไทยโดยเร็วที่สุด

อย่างไรก็ตาม ในส่วนผู้ต้องหาชาวเยอรมนีนั้น เป็นเรื่องยากที่จะติดตามนำตัวกลับมาดำเนินคดีที่ไทย เพราะประเทศเยอรมนีมีกฎหมายคุ้มครองสิทธิเสรีภาพพลเมืองของตนสูงมาก จะไม่มีการส่งตัวพลเมืองเยอรมันไปดำเนินคดีที่ประเทศอื่น แต่ถึงแม้จะไม่ส่งตัวผู้ต้องหากลับมาดำเนินคดีในไทย ทางตำรวจไทยก็ต้องส่งข้อมูลและหมายแดงให้ทางการเยอรมัน เพื่อขอให้ทางการเยอรมันดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายดังกล่าวแทน พร้อมยอมรับเป็นเรื่องน่าเสียดายที่สำนวนคดีรัดกุมแล้ว แต่ไม่สามารถนำตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีได้

นอกจากนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังบอกอีกว่า เรื่องดังกล่าวส่งผลต่อการจัดอันดับการค้ามนุษย์ของไทยพอสมควร ซึ่งตนเองก็เตรียมนัดเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยเพื่ออธิบายเรื่องดังกล่าวแล้ว รวมทั้งเรื่องการติดตามตัวผู้ต้องหาชาวอเมริกันมาดำเนินคดีด้วย

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์