(22 พ.ย. 66) นายเอกวรัญญู อัมระปาล ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และโฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงการจัดเก็บขยะในพื้นที่กรุงเทพมหานครว่า กรุงเทพมหานครมีนโยบาย “ไม่เทรวม” รณรงค์ให้ประชาชนร่วมกันแยกขยะก่อนทิ้ง ดังนั้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในระบบการจัดเก็บขยะแบบแยกประเภทของกรุงเทพมหานคร จึงได้มีข้อสั่งการให้ทั้ง 50 สำนักงานเขต ดำเนินการดังนี้
(1) จัดระบบรองรับขยะแยกประเภท ในรถเก็บขนมูลฝอยแบบอัด ขนาด 2 ตัน และแบบอัด ขนาด 5 ตัน ทุกคัน โดยตั้งถังขยะเศษอาหาร (ถังสีเขียว) ถังขยะรีไซเคิล (ถังสีเหลือง) และถังขยะอันตราย (ถังสีส้ม) ในช่องใส่ขยะแยกประเภทด้านหลังคนขับ พร้อมประชาสัมพันธ์แนะนำวิธีการคัดแยกขยะและวิธีการทิ้งขยะแยกประเภทให้ประชาชนในพื้นที่รับทราบอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง
(2) จัดให้มีรถเฉพาะสำหรับจัดเก็บขยะเศษอาหารและขยะรีไซเคิลจากประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ “ไม่เทรวม” อย่างน้อยสำนักงานเขตละ 1 คัน โดยให้นำรถมาติดสติกเกอร์ “ไม่เทรวม” ที่สำนักสิ่งแวดล้อม
(3) จัดให้มีจุดรวบรวมขยะเศษอาหารเพื่อนำไปทำปุ๋ยหรือส่งต่อให้เกษตรกรใช้ประโยชน์ รวมถึงจัดให้มีจุดพักขยะอันตรายแยกประเภทเพื่อส่งกำจัดอย่างถูกวิธี และจุดพักขยะรีไซเคิลขายนำเข้าเป็นกองทุนสวัสดิการพนักงาน
(4)จัดทำบัญชีรายชื่อ สถานที่ติดต่อ ประชาชนและสถานประกอบการที่ร่วมโครงการไม่เทรวม และร่วมโครงการคัดแยกขยะ BKK Zero Waste และนำเข้าระบบรายงานตามที่สำนักสิ่งแวดล้อมกำหนด
ทั้งนี้ จากสถิติการดำเนินการตามนโยบายแยกขยะต้นทางพบว่า ปริมาณขยะปี 2566 ลดลงจากปี 2565 เฉลี่ย 204 ตัน/วัน ลดค่าใช้จ่าย เป็นเงิน 387,600 บาท/วัน หรือ 74,460 ตัน/ปี ลดค่าใช้จ่าย เป็นเงิน 141,474,000 บาท/ปี
สำหรับประชาชนสามารถเริ่มแยกขยะง่าย ๆ โดยใส่ถุงขยะแยกประเภท หรือใส่ถุงดำพร้อมเขียนข้อความระบุประเภทขยะไว้บนถุง ดังนี้
ขยะเศษอาหาร เช่น เศษผักผลไม้ เศษอาหาร เศษเนื้อสัตว์
ขยะทั่วไป เช่น ถุงพลาสติกเปื้อนอาหาร ซองบะหมี่ ถุงขนม กล่องโฟม ผ้าอ้อมสำเร็จรูป
ขยะอันตราย เช่น หลอดไฟ แบตเตอรี่ ถ่านไฟฉาย ยาหมดอายุ กระป๋องสเปรย์ ขวดน้ำยาล้างห้องน้ำ
ขยะรีไซเคิล เช่น กระดาษ พลาสติก แก้ว โลหะ