“สส.รังสิมันต์ โรม”เตรียมทำหนังสือถามรัฐบาลปมข่าวนำตำรวจจีนดูแลนทท.-ด้าน”ผบ.ต่อ”ลั่นไม่เห็นด้วยชี้เป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตย !!

279

ลั่“รังสิมันต์ โรม” ประสานเสียง “ผบ.ต่อ” ไม่เห็นด้วยนำตำรวจจีนเข้ามาดูแลในประเทศไทย เตรียมทำหนังสือถามรัฐบาลให้ชี้แจงความชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษร -ผบ.ตร.ยังรอผลสอบจากจเรตำรวจเรื่องส่วยสติ๊กเกอร์รถบรรทุก พร้อมคาดโทษผู้การจังหวัดปล่อยให้มีเหตุอาชีวะไล่ยิงกัน  มั่นใจ”เสี่ยแป้ง”ยังกบดานบนเขา

วันที่ 13 พ.ย.66 เวลา 13.00 น.ที่ ตร. นายรังสิมันต์ โรม ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร พาคณะฯ เข้าประชุมร่วมกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อสอบถามในหลายประเด็น โดยเฉพาะกรณีมีกระแสข่าวว่าจะมีการประสานงานให้ตำรวจจีนเข้ามาดูแลนักท่องเที่ยวจีนในประเทศไทย โดยนายรังสิมันต์ โรม กล่าวภายหลังการประชุมว่า แนวคิดดังกล่าวไม่มีทางเกิดขึ้น และได้รับการยืนยันแล้วว่าทุกฝ่ายไม่เห็นด้วยกับการนำตำรวจจีนเข้ามาในราชอาณาจักร เพราะมีผลกระทบในหลายมิติ หากเริ่มต้นนำตำรวจจีนเข้ามาในประเทศไทยในวันนี้ อนาคตก็จะต้องให้ตำรวจจากชาติอื่นๆเข้ามาด้วย และตำรวจไทยก็จะไม่มีบทบาทหน้าที่อย่างเหมาะสม ดังนั้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่เราต้องช่วยกันพัฒนาศักยภาพของตำรวจไทยให้เข้มแข็งมากขึ้น เพื่อให้สามารถดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนรวมถึงนักท่องเที่ยวได้

แต่กระแสข่าวที่เกิดขึ้นนั้นเป็นความเข้าใจผิดในการสื่อสาร ดังนั้นเพื่อให้เกิดความชัดเจน คณะกรรมาธิการจัดทำหนังสือขอให้รัฐบาลชี้แจงประเด็นดังกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรอีกครั้ง เพื่อให้เกิดความชัดเจนกับทุกฝ่ายในการปฏิบัติ

สอดคล้องกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ยืนยันว่า ไม่เห็นด้วยกับการนำตำรวจจีนเข้ามาดูแลนักท่องเที่ยวจีนในไทย เพราะเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยของไทย และตำรวจไทยมีศักยภาพในการดูแลประชาชนและนักท่องเที่ยวเพียงพอ แต่กรณีที่เกิดขึ้นในอิตาลีนั้น เชื่อว่าเกิดจากปัญหาด้านการสื่อสารทางภาษา จึงมีการนำตำรวจจีนมาช่วย แต่สำหรับประเทศไทยไม่ได้มีปัญหาดังกล่าว ยืนยันว่าแนวคิดดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเป็นเรื่องความมั่นคงของประเทศ

พร้อมยืนยันว่า แนวคิดดังกล่าว สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้เป็นผู้เสนอ หรือร้องขอไปยังรัฐบาล เชื่อว่าเป็นความเข้าใจผิดในการสื่อสาร โดยยอมรับว่าก่อนหน้านี้เคยมีการพูดคุยกันในประเด็นการจัดตั้งศูนย์ประสานงานกับทางการจีน เพราะเมื่อเกิดเหตุอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับจีน ก็จำเป็นที่จะต้องมีการประสานข้อมูลคนร้ายและข้อมูลคดีกัน และที่ผ่านมามีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการกำหนดผู้ประสานงาน ซึ่งมักจะเป็นตำรวจจีนที่ดูแลสถานทูต จีนประจำประเทศไทย จึงอาจทำให้เกิดความสับสนขึ้นได้

ส่วนเรื่องส่วยสติ๊กเกอร์หลังเกิดเหตุรถบรรทุกดินน้ำหนักเกินทำถนนสุขุมวิททรุดและต่อมาพบว่ามีสติ๊กเกอร์ติดหน้ารถ สงสัยว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์จากเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่นั้น  พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้ กองบัญชาการตำรวจนครบาลดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับพ.ร.บ.จราจร ส่วนประเด็นเจ้าหน้าที่รัฐจะรู้เห็นหรือได้รับผลประโยชน์เกี่ยวข้องหรือไม่ ได้มอบหมายให้จเรตำรวจแห่งชาติเป็นผู้ดูแล โดยคาดว่าจะส่งผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงรายงานต่อตนเองภายในวันนี้ หลังจากที่ตนเองมีคำสั่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จภายใน 3 วัน สำหรับผลการตรวจสอบของกรุงเทพมหานคร ที่ไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องนั้น แต่ทางตำรวจก็จะต้องตรวจสอบให้ละเอียดและลึกขึ้นโดยจะดูเส้นทางการเงินควบคู่ไปด้วย หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐคนใดกระทำความผิดก็จะต้องดำเนินการทั้งทางอาญาและวินัยแน่นอน พร้อมขอให้สังคมอย่าเพิ่งมองว่าสติ๊กเกอร์ดังกล่าวเป็นสติ๊กเกอร์สวยเสมอไป และขอให้รอผลการตรวจสอบจากทางตำรวจก่อน

ส่วนประเด็นว่ารถบรรทุกดังกล่าวบรรทุกน้ำหนักเกินจะมีเจ้าหน้าที่รู้เห็นปล่อยปละละเลยด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีผลการตรวจสอบออกมา แต่ปัญหาดังกล่าวได้สั่งการไปยังตำรวจทั่วประเทศ ให้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการกวดขันจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกินแล้ว ส่วนที่ปรากฏข่าวว่ารถบรรทุกคันดังกล่าวเคยบรรทุกน้ำหนักเกินกว่า 60 ตันมาก่อนหน้านี้ ทางตำรวจก็จะนำข้อมูลทั้งหมดไปรวบรวมอยู่ในสำนวนแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าคดีคนร้ายก่อเหตุยิงคู่อรินักศึกษาอุเทนถวาย กระสุนพลาดถูกครูเจี๊ยบ เสียชีวิต ว่า คดีนี้ถือเป็นคดีที่ 2 ที่มีแผนประทุษกรรมลักษณะเป็นนักศึกษาที่มีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนในการก่อเหตุ มีการหมายหัวเป้าหมายชัดเจน ซึ่งตนเองมองว่าเป็นรูปแบบองค์กรอาชญากรรมกลุ่มเล็ก ไม่ใช่นักศึกษา ดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองรับไม่ได้ และได้สั่งการไปยังผู้บังคับการจังหวัดทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ และนนทบุรี ซึ่งมักจะเกิดเหตุลักษณะนี้บ่อยครั้ง หากไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ หรือยังปล่อยให้บุคคลกลุ่มนี้ก่อเหตุยิงคู่อริต่อเนื่อง ผู้บังคับการจังหวัดจะต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย ส่วนตนเองก็ได้สั่งการให้ชุดปะฉะดะ หรือชุดปฏิบัติการพิเศษออกลาดตระเวน เพื่อ ไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก ส่วนความคืบหน้าทางคดีตนเองไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะอยู่ระหว่างการเร่งติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดี

ส่วนความคืบหน้า การติดตามตัว นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ แป้ง นาโหนด หลังหลบหนีไปได้ขณะที่เจ้าหน้าที่ปิดล้อมและมีการยิงปะทะกันบริเวณเขาบรรทัด เขตรอบต่อพื้นที่ 4 จังหวัดก่อนหลบหนีไปได้ว่า เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งติดตามตัว โดย พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ไปติดตามความคืบหน้าด้วยตนเอง พร้อมระบุว่า ตำรวจใช้กำลังพลกว่า 200นาย ในการติดตามตัวคนเดียว ซึ่งจากการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอจากอุปกรณ์ เสื้อผ้าที่เจอบริเวณบนเขาบรรทัด ยืนยันว่าเป็นของเสี่ยแป้งจริง ย้ำว่าตำรวจระดมกำลังและอุปกรณ์ทุกอย่างเพื่อตัดทุกช่องทาง โดยเชื่อว่าเสี่ยแป้งยังคงหนีอยู่บนเขาอย่างแน่นอน

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่าในส่วนชุดตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการลงพื้นที่ตัวเนื่องสภาพอากาศไม่ดีมีฝนตกตลอดทำให้ถูกทากกัด และถูกต่อต่อยมีอาการเจ็บป่วย ตนเองจะลงพื้นที่ไปเยี่ยมให้กำลังใจการปฎิบัตเร็วๆนี้

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์