รับตัว3แก๊งคอลฯฝ่ายเร่งรัดหนี้สินธนาคารกลับมาดำเนินคดีในไทย!!

483


สืบนครบาล รับตัว  3 คอลเซ็นเตอร์จากเพื่อนบ้านมาดำนินคดีในไทย เจ้าตัวอ้างเป็นสาย 1 ฝ่ายเร่งรัดหนี้สินธนาคารแต่ไม่ยอมรับผิด

   ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์  รรท. รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดทุกรูปแบบซึ่งสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้เร่งทำการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะพนักงานคอลเซนเตอร์ที่กระทำความผิดอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน  โดยผู้ต้องหาทั้ง 3 รายมีวิธีการกระทำความผิดเป็นฝ่ายเร่งรัดหนี้สินธนาคารกสิกรไทย  และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองตาก สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนจำนวนมาก
เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน  พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์

รอง ผบช.น.  พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หน.PCT ชุดที่ 5 , พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. / รอง หน. PCT ชุดที่ 5 , พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. ,พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. ,พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์  ทองแพ  ผกก.(สอบสวน) บก.สส.บช.น.  พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.(สอบสวน) บก.สส.บช.น. ,พ.ต.อ.ธนวัฒน์  พูลสวัสดิ์ ผกก.ตม.จว.สุรินทร์ , พ.ต.ต.คณิตนนท์ ถนอมศรี สว.กก.1 บก.สส.บช.น.กับพวก สืบนครบาล  , PCT ชุดที่ 5 และ ตม.สุรินทร์ ได้ร่วมกันจับกุม

(1) นายภานุ อายุ 23 ปี  ภูมิลำเนา อ.คลองหาด จว.สระแก้ว ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 615/2566  (พนักงานคอลเซ็นเตอร์)
(2)นายกฤษณะ อายุ 20 ปี  ภูมิลำเนา อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 621/2566  (พนักงานคอลเซ็นเตอร์)
(3.)นายพงศกร อายุ 28 ปี  ภูมิลำเนา อ.เมืองฉะเชิงเทรา จ.ฉะเชิงเทรา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 622/2566   (พนักงานคอลเซ็นเตอร์)

         ในข้อหา “ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันเป็นซ่องโจร, ร่วมกันฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าข้อูมลสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน”

        พฤติการณ์ กล่าวคือ ชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนโดยขยาลผลจากสายลับ  จนทราบพบว่ามีผู้ต้องหาทั้ง 3 คนเดินทางไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซนเตอร์ ที่อาคารแห่งหนึ่ง เมืองโอเสม็ด จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา โดยมีพนักงานคอลเซนเตอร์เป็นชาวไทยทั้งหมดจำนวนมาก ทำหน้าที่โทรหลอกผู้เสียหายโดยแบ่งหน้าที่กันทำอ้างตัว  สาย 1  ผู้ต้องหาที่1-3 อ้างตัวเป็นฝ่ายเร่งรัดหนี้สินธนาคารกสิกรไทย ออกอุบายสอบถามผู้เสียหายว่า เลขท้ายบัตรเครดิตสี่หลักนี้ เป็นของผู้เสียหายหรือไม่ ซึ่งเมื่อผู้เสียหายตอบว่าไม่ใช่ ก็จะแจ้งกับผู้เสียหายว่า ข้อมูลของท่านอาจรั่วไหล แนะนำให้แจ้งกับที่ สภ.เมืองตาก โดยให้กดปุ่มสี่เหลี่ยม (#) 2 ครั้ง ระบบจะโอนสายอัตโนมัติไปยัง  กลุ่ม สาย 2

อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองตาก (ยศ ส.ต.ต. ถึง ด.ต.) สอบถามผู้เสียหายว่าจะแจ้งความเรื่องอะไร และหลอกว่าข้อมูลของผู้เสียหายนั้น มีคนร้ายได้นำไปใช้ ทำให้ผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงินและยาเสพติด และผู้เสียหายจะต้องโอนเงินมาตรวจสอบ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์       หากผู้เสียหายยังไม่หลงเชื่อ จะทำทีเดินไปเคาะประตูและให้คุยกับตำรวจระดับ ร.ต.อ. ขึ้นไป เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ     กลุ่มสาย 3 อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองตาก ระดับ ร.ต.อ. ขึ้นไป หลอกว่าจะดำเนินคดี กับผู้เสียหาย มีการส่งข้อมูลหลอกผู้เสียหายผ่านทางไลน์ เช่น หมายจับ (ปลอม) หรือบางครั้งใช้วิธีวิดีโอคอล และใช้เทคนิคตัดต่อ สร้างความน่าเชื่อถือว่าเป็นตำรวจจริง ๆ   ในท้ายที่สุด ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงได้โอนเงินไปตรวจสอบความบริสุทธิ์ ทั้งที่ไม่ได้กระทำความผิดใดๆ สร้างความเสียหายหลักล้านบาท

       ต่อมาวันที่ 9 พฤศจิกายน 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศกัมพูชาทลายและจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดทางการกัมพูชาจับกุมตัวที่ตึกคอลเซนเตอร์ ตรงข้ามด่านช่องจอม จังหวัดสุรินทร์  และเพื่อมาส่งตัวผู้ต้องหาทั้งสามราย

       ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่ยอมรับว่าเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ สาย 1 โดยให้การว่า ก่อนหน้าที่จะข้ามไปทำงานเป็นพนักงานแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้านตนตกงาน จึงได้เข้าไปหางานในเพจและสื่อโซเชียลต่างๆ และได้สมัครเข้าทำงานเพื่อเป็นแอดมินเพื่อตอบลูกค้า ต่อมาช่วงเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2566 ได้รับการติดต่อจากผู้ว่าจ้างและได้ให้นั่งรถไปที่ บขส. จว.สระแก้ว หลังจากนั้นได้มีรถรับจ้างมารับต่อไปส่งยังชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อมามีคนเขมรพาข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้านทางช่องทางธรรมชาติและได้ขึ้นรถตู้มายังจังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา และได้ทำงานเป็นพนักงานแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์สาย 1 ที่สำนักงานแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ในจังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา โดยอ้างตัวว่าเป็นพนักงานเร่งรัดหนี้สินของธนาคารกสิกรไทย โดยจะแจ้งผู้เสียหายว่า ผู้เสียหายได้เป็นหนี้บัตรเครดิตหรือไม่ ถ้าไม่ได้เป็นหนี้และยินดีที่จะแจ้งความให้ทำการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยสาย 1 จะกดเครื่องหมายสี่เหลี่ยม(#)  2 ครั้งเพื่อโอนสายไปยังสาย 2 โดยทั้งสามให้การว่าได้เงินเดือน ๆ ละ 20,000 บาท หากสามารถหลอกลวงผู้เสียหายได้จะได้ค่าตอบแทนร้อยละ 6 จากยอดความเสียหาย โดยยังให้การเพิ่มเติมอีกว่าภายในตึกดังกล่าวยังมีคนไทยที่ทำงานเป็นพนักงานแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์กว่าร้อยคน จับกุมที่ จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จว.สุรินทร์
นำตัวส่งพนักสอบสวน พงส. กก.3 สอท.2  ดำเนินคดีตามกฎหมาย

          พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่าผู้ต้องหาทั้งหมดนี้ทำหน้าที่พูดสายสนทนากับประชาชนผู้ตกเป็นเหยื่อแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ โดยกระทำความผิดอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน  ครั้งนี้เราสามารถจับกุมตัวคอลเซ็นเตอร์ได้ และจะขยายผลถึงที่สุดต่อไป แจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่าในสังคมขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติอย่ารีบโอนเงินให้คนแปลกหน้าหรืออ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่่  หากไม่แน่ใจหรือสงสัยว่าบุคคลจะเป็นมิจฉาชีพ หรือไม่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์