ศาลลังหวัดมุกดาหาร เลื่อนตัดสินคดีน้องชมพูเสียชีวิต 20 ธ.ค.66 เหตุร่างคำพิพากษายังไม่เสร็จสิ้น
ด้าน โฆษกอัยการ ยืนยัน เป็นไปตามระเบียบ
วันนี้ (31 ต.ค.66) ที่ ห้องพิจารณาคดี 4ศาลจังหวัด
มุกดาหาร ผู้พิพากษาได้อ่านรายงานกระบวนพิจารณาคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ 1013/2564 ระหว่าง พนักงานอัยการจังหวัดมุกดาหาร โจทก์ นายไชย์พลหรือพล วิภา ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน จำเลย โดยมีโจทก์ โจทก์ร่วมทั้งสอง ทนายโจทก์ร่วมทั้งสอง จำเลยทั้งสอง และทนายจำเลย ทั้งสอง มาศาล ดังนี้
ตามที่ศาลนัดฟังคำพิพากษาในวันนี้ เนื่องจากคดีอยู่ระหว่างสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 4 ตรวจสำนวนและร่างคำพิพากษา ตามระเบียบฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมว่าด้วยการรายงานคดีในศาลชั้นต้นและศาลชั้นอุทธรณ์ต่อประธานศาลฎีกา ซึ่งศาลนี้ส่งสำนวนและร่างคำพิพากษาไปตรวจตามระเบียบดังกล่าว ว่าด้วยการรายงานคดีและการตรวจสำนวนคดีในสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค พ.ศ. 2562 ข้อ 7 ก. (3) ประเภท คดีมีที่อัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 10 ปี ขึ้นไป แต่ร่างคำพิพากษาและสำนวนยังไม่กลับมาจากสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 4 จึงไม่อาจอ่านคำพิพากษาในวันนี้ได้ เห็นควรให้เลื่อนไปนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 20 ธันวาคม 2566 เวลา 10.00 น. นาฬิกา ตามที่ทุกฝ่ายมีวันว่างตรงกัน
ด้าน นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยถึงกรณีศาลจังหวัดมุกดาหาร เลื่อนนัดอ่านคำพิพากษา นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล และ น.ส.สมพร หลาบโพธิ์ หรือ ป้าแต๋น สองสามีภรรยา ในคดีการเสียชีวิต น้องชมพู่ ว่า ทราบจากทางสำนักงานอัยการจังหวัดมุกดาหาร ว่า สาเหตุที่ศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษาจากวันที่ 31 ต.ค.ออกไปก่อนนั้น เนื่องจากเป็นคดีสำคัญและในทางปฏิบัติของศาลยุติธรรม ศาลก็จะส่งสำนวนคดีพร้อมคำพิพากษาไปที่สำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 4 ที่จังหวัดขอนแก่น เพื่อตรวจตามระเบียบ ก่อนที่จะส่งกลับมาให้กับทางศาลจังหวัดมุกดาหารอ่านคำพิพากษาต่อไป
ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสำนวนและตรวจคำพิพากษา ของอธิบดีผู้พิพากษาภาค 4 จึงมีเหตุต้องเลื่อนการอ่านคำพิพากษาออกไป ส่วนจะเลื่อนออกไปวันไหนนั้นศาลจะแจ้งอีกครั้งในวันพรุ่งนี้
ส่วนจะส่งผลต่อรูปคดีหรือไม่ นายประยุทธ ยืนยัน ไม่ส่งผลต่อรูปคดี เพราะกระบวนการสืบพยานทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยเสร็จสิ้นแล้ว ศาลจังหวัดมุกดาหารก็ได้ทำคำพิพากษาตามพยานหลักฐานตามข้อเท็จจริงและกฎหมายส่งให้อธิบดีผู้พิพากษาภาค 4 ตามระเบียบขั้นตอนของราชการศาล
เมื่อถามว่า ลุงพลจำเลยในคดีจะมีส่วนได้ส่วนเสียหรือไม่ นายประยุทธ ระบุว่า ไม่มี เพราะคดีนี้สืบพยานเสร็จสิ้นแล้วทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายโจทก์หรือฝ่ายจำเลยก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเอาพยานหลักฐานไปเพิ่มเติมแล้ว ทุกอย่างอยู่ระหว่างต้องรอศาลนัดอ่านคำพิพากษาเท่านั้น
โดยสาเหตุที่ส่งสำนวนและคำพิพากษาให้กับอธิบดีผู้พิพากษาภาค 4 ก็เป็นไปตามระเบียบ ซึ่งเป็นปกติที่ศาลยุติธรรมจะรักษามาตราฐาน เพราะเป็นคดีสำคัญ
ส่วนคดีสำคัญ เป็นอย่างไรนั้น นายประยุทธ กล่าวว่า มีหลายเหตุปัจจัย เช่น สื่อมวลชนและประชาชนให้ความสนใจ หรือแม้บางคดีเป็นคดีเกี่ยวกับบุคคลสำคัญของประเทศ หรือคดีอุกฉกรรจ์ กระทบต่อความรู้สึกของคนในสังคม ก็เป็นคดีสำคัญได้ อย่างเช่น การเสียชีวิตของน้องชมพู่ ผู้เสียชีวิตเป็นเด็ก สื่อมวลชนและสังคมเฝ้าติดตามข่าวอย่างต่อเนื่อง คดีนี้สำนักงานอัยการสูงสุดก็ให้ความสำคัญ โดยมีการตั้งคณะทำงาน ส่งอัยการจากสำนักงานอัยการภาค 4 ร่วมกับสำนักงานอัยการจังหวัดมุกดาหาร ในการทำงานร่วมกัน ตั้งแต่ตรวจสำนวน ร่างคำฟ้อง และสืบพยานจนเสร็จสิ้น
นายประยุทธ ยังบอกอีกว่า ขอให้รอฟังคำพิพากษาของศาล ไม่ว่าจะตัดสินอย่างไร หากคู่ความในคดีไม่เห็นพ้อง ย่อมที่จะสามารถอุทธรณ์คำพิพากษานั้นได้ภายใน 1 เดือน หากอุทธรณ์ตัดสินแล้วยังไม่เห็นพ้องอีก ก็สามารถยื่นฎีกาต่ออีกได้
#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์