ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นผู้พระอัจฉริยะภาพในหลายด้าน แต่มีด้านหนึ่งที่พระองค์นำมาประยุกต์ใช้เป็นหลักในแทบจะทุกๆพระอริยาบถ ด้านนั้นคือด้าน”พระสมาธิ”
อ่านสนุกแบบมีทั้งศรัทธาและพาณิชย์ไปกับ คอลัมน์พระบ้าน by ต้นคนชอบพระ
ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงถาม พล.อ.อ.หะรินว่า คนเราหายใจเข้าออก นาทีละกี่ครั้ง พล.อ.อ.หะริน : “คงประมาณ 18 ครั้ง พระพุทธเจ้าข้า”
ในหลวง ร.9 : “ชั่วโมงละกี่ครั้ง”
พล.อ.อ.หะริน : “ประมาณ 1,080 ครั้ง พระพุทธเจ้าข้า”
ในหลวง ร 9 : “วันหนึ่งเล่า”
พล.อ.อ.หะริน: “ตอนนี้ข้าพระพุทธเข้าต้องขอพระราชทานใช้เครื่องคิดเลข พระพุทธเจ้าข้า….ประมาณ 26,000ครัง พระพุทธเจ้าข้า”
ในหลวง ร.9 : “ปีหนึ่งล่ะ”
พล.อ.อ.หะริน : “ประมาณเก้าล้านสี่แสนหกหมื่น พระพุทธเจ้าข้า”
ในหลวง ร.9 : “แล้วหกสิบปี”
พล.อ.อ.หะริน : “ห้าร้อยหกสิบแปดล้าน พระพุทธเจ้าข้า”
ในหลวง ร.9 : “ลมหายใจนี่ ซื้อเขามาหรือเปล่า เสียภาษีหรือเปล่า”
พล.อ.อ.หะริน : (งงไปพักหนึ่ง) “เปล่า พระพุทธเจ้าข้า”
ในหลวง ร.9 : “แล้วได้อะไรบ้าง จากลมหายใจเกือบห้าร้อยเจ็บสิบล้านครั้ง เสียแรงเป็นลูกศิษย์เอกของหลวงปู่ (หลวงปู่ เทศก์) ตั้งแต่เกิดมา หายใจทิ้งหายใจขว้างไปหลายร้อยล้านครั้งแล้ว”
พล.อ.อ.หะริน : (ยังงงอยู่)
ในหลวง ร. 9 : “นั่งรถมาทำงานและกลับบ้าน ก็ไม่ต้องขับเอง มีคนขับให้ แล้วทำไมไม่ใช้ลมหายใจให้เป็นประโยชน์ มัวแต่ไปคิดอะไร ดูแม่ค้าทะเลาะกันข้างถนน ดูจราจรจับคนไม่สวมหมวกกันน็อค ดูเจ๊กขายก๋วยเตี๋ยว ดูเด็กขายพวง มาลัย แล้วได้อะไรบ้าง”
พล.อ.อ.หะริน : (นั่งนิ่ง)
ในหลวง ร. 9 : “ทีนี้ หัดใช้ลมหายใจให้เป็นประโยชน์เสียบ้าง เวลาไม่มีอะไรทำก็ภาวนาอานาปาณสติไป หายใจเข้า ภาวนา “พุท” หายใจออก ภาวนา “โธ” วันหนึ่งก็ทำสมาธิได้เหลือหลาย ไม่เอาลมหายใจที่ได้มาฟรีๆ ไม่เสียภาษี ไป ทิ้งขว้างเสียเปล่าๆ เดือนละไม่รู้กี่ล้านครั้ง”
ส่วนหนึ่งจาก บทความเรื่อง พ่อหลวง-หลวงพ่อ โดย พล.อ.อ.หะริน หงสกุล
เป็นหนึ่งในพระราชดำรัสของ “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” หรือ ในหลวงรัชกาลที่9 ที่ทรงมีต่อเหล่าบรรดาหนึ่งเป็นแน่ข้าราชบริพานผู้สนใจฝึกฝนการทำวิปัสสนาสมาธิ จากพระราชดำรัสนี้ทำให้ได้ทราบว่า ในหลวง ร.9 ของเราท่านทรงเป็นผู้ฝึกสมาธิในแนวทางอาปาณสติ ซึ่งคือการกำหนดรู้ลมหายใจนั่นเองและจากใจความในพระราชดำรัส พอจะอนุมานได้ว่าท่านคงฝึกจนถึงระดับเชี่ยวชาญจนอาจจะสำเร็จได้ฌานในขั้นใดขั้นหนึ่งซึ่งถ้าหากเป็นปุถุชนคนธรรมดาคงกล่าวได้ว่าเป็นระดับเกจิอาจารย์เลยทีเดียว ในเรื่องการเรียนสมาธิของในหลวงรัชกาลที่9นั้น พระองค์ได้เคยประทานสัมภาษณ์ให้กับ ผู้สื่อข่าวต่างชาติอย่าง BBC เอาไว้ว่า
ผู้สื่อข่าว BBC :“การทำสมาธิ มีความสำคัญต่อการบรรลุ ถึงระดับนี้แค่ไหน :
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช :
“การทำสมาธิ เป็นธรรมปฏิบัติที่สำคัญมาก เพราะว่าคุณต้องเริ่มจากจิตที่มีสมาธิ จิตต้องนิ่ง เพื่อ จะได้เกิดความสงบ อาจจะไม่ใช่ความสงบอันยาวนาน แต่เป็นความสงบชั่วขณะ ที่จะช่วยให้ … ที่จะช่วยให้คุณได้เห็นในหลาย ๆ สิ่ง ได้เข้าถึงความสงบที่แท้จริง จากนั้น … ด้วยจิตที่สงบนี้ คุณจะสามารถเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างกระจ่างชัดขึ้น” ขอขอบคุณ บทสัมภาษณ์จาก BBC – Soul of a Nation
ด้วยเป็นผู้ทรงเข้าใจและเข้าถึงในหลักธรรมและหลักแห่งสมาธิจิตทำให้ไม่ว่าจะครั้งใดที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ไปเป็นประธานในงานสร้างวัตถุมงคลต่างๆ แม้จะเป็นวัตถุมงคลที่ทรงดำริสร้างเพื่อแจกจ่าย หรือวัตถุมงคลที่ขอพระราชทานนำพระบรมรูปไปไว้ในวัตถุมงคลนั้นๆก็จะกลายเป็นวัตถุมงคลยอดนิยมของเหล่าพสกนิกรแทบจะทันที
ในบรรดาวัตถุมงคลที่นำพระบรมรูปของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาอยู่ในวัตถุมงคล มีวัตถุมงคลประเภทเหรียญที่น่าสนใจและโดดเด่น ด้วยเจตนาการสร้างที่ดีแถมมีคณาจารย์ผู้ทรงคุณวิเศษและมีชื่อเสียงในสมัยนั้นมาทำพิธีปลุกเสกให้ เหรียญนั้นคือ “เหรียญมหาราช ” ที่จัดสร้างโดย กระทรวงมหาดไทย เพื่อหาเงินทุนจัดตั้ง “มูลนิธิมหาราช” และได้ประกอบพิธีรัชมังคลาภิเษก ณ วัดราชบพิตรสถิตมหาสีมาราม ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 3 ธันวาคม พ.ศ. 2506 เนื่องในวโรกาสที่พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุครบ 36 พรรษา หรือ 3 รอบ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2506
โดยเหรียญนี้ ผลิตออกมา 3 เนื้อ มีเนื้อทองคำ เนื้อเงิน และเนื้ออัลปาก้า โดยเนื้อทองคำ รูปทรงเหรียญเป็นรูปเสมา หรือที่คุ้นหูกันชื่อเหรียญอาร์ม มีด้วยกัน 3 บล๊อค คือ บล๊อค แว่นแตก (เป็นบล๊อคที่หายาก) บล๊อค ช. 2 เส้น และอีกบล็อคก็จะเป็นบล็อคปกติทั่วไป น้ำหนักเหรียญจะอยู่ ที่ 16-17 กรัม คาดเคลื่อนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื้อเงินนั้นมีน้อยมากไม่ค่อยพบเจอหมุนเวียน ส่วนเนื้ออัลปาก้านั้นมีมากสุดและมี2แบบ คือแบบธรรมดาและแบบมีโค้ด สว. สำหรับโค๊ด สว. สมเด็จพระศรีนครินทร์บรมราชชนนี (สมเด็จย่า) ทรง แจกเป็นกำลังใจให้กับ หน่วยแพทย์ พอสว. และทหาร-ตำรวจตระเวณชายแดน ที่พิเศษไปกว่านั้น คือ สมเด็จย่าท่านทรงให้ พระอาจารย์ฝั้น ท่านอธิษฐานจิตก่อนนำไปแจกและมีการตอกโค๊ด สว. เพื่อให้แตกต่าง แบบมีโค้ดนั้นจะเป็นที่นิยมในหมู่ข้าราชการเป็นอย่างมาก
เหรียญมหาราชนี้ ปรากฏกฤษดาภินิหารด้านแคล้วคลาดจากภยันตรายอยู่เสมอๆจนเป็นที่กล่าวขวัญ ปัจจุบัน ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ นิยมนำเหรียญนี้ไปกลัดติดกระเป๋าเสื้อเครื่องแบบในการปฏิบัติหน้าที่ ด้วยเชื่อถือและยึดมั่นในพระบารมีของในหลวงรัชกาลที่ 9 จากการปฏิบัติหน้าที่รับใช้ใต้เบื้องยุคลพระบาท ในส่วนรูปแบบของเหรียญมหาราชนั้น ด้านหน้า เป็นพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ครึ่งพระองค์ ผันพระพักตร์ไปทางเบื้องขวา ทรงเครื่องเข็มยศทหารมหาดเล็ก ใต้พระบรมรูปเป็นพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จ “พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช” ริมขอบพระรูปด้านซ้ายมือมีตัวอักษรโรมันขนาดจิ๋วปั๊มว่า “ROYAL MINI” อันหมายถึง โรงงานกษาปณ์ กรมธนารักษ์หลังเหรียญเป็นตรา พระบรมจักรีวงศ์ เบื้องบนมีข้อความว่า “อนุสรณ์หาราช”
เบื้องล่างมีข้อความว่า “เฉลิมพระชนมพรรษา ครบ 3 รอบ 5 ธันวาคม 2506”
เหรียญมหาราชนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานแก่ พลเรือน ข้าราชการทหาร ตำรวจ ทั้งในส่วน กลางและส่วนภูมิภาค เมื่อคราวมหามงคลวโรกาสเฉลิมฉลองครบ 3 รอบ ในปี พ.ศ.2506 คนทั่วไปชอบเรียกว่า เหรียญเสมา 3 รอบ รัชกาลที่ 9 หรือ เหรียญเสมามหาราช
เหรียญนี้เป็นเหรียญที่ระลึก ที่ได้ผ่านพิธีการ ปลุกเสกอย่างยิ่งใหญ่ ณ อุโบสถวัดราชบพิธ ถึง 2 วาระด้วยกัน ครั้งแรกวันที่ 29-30พ.ย.2506 และระหว่างวันที่ 5-6-7เมษายน 2507 โดยพระคณาจารย์ที่โด่งดังในยุคนั้น เช่น
อาจารย์ทิม วัดช้างไห้
หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม
พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์
หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก
พระสุนทรศีลสมาจาร (หลวงพ่อผล) วัดหนัง
หลวงพ่อทบ วัดสว่างอรุณ ชนแดน ฯลฯ
และเอาจริงๆไม่ได้มีแค่นี้ นี่คัดมาเฉพาะเท่าที่คุ้นชื่อคุ้นหูกันเท่านั้น ยังมีเหล่าเกจิคณาจารย์ชื่อดังอีกมากมายที่เข้าร่วมพิธีปลุกเสกนี้ สนนราคาเช่าหาในปัจุบันก็น่าเก็บอย่างมาก เหรียญทองคำสวยๆยังอยู่หลักหมื่นปลายๆไปจนถึงแสนต้นๆ เนื้อเงิน หลักหมื่นต้นๆจนถึงหมื่นกลาง เนื้ออัลปาก้าแบบมีโค้ดราคาหลักพันกลางๆ แบบธรรมดาไม่มีโค้ดราคาอยู่ที่หลักร้อย เป็นเหรียญดีมีอนาคตมีเก็บไว้ มีเอาไว้ใช้ ได้ทั้งพุทธคุณและเอาไว้รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านทรงพระราชทานไว้ให้กับคนไทย
น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของ ” พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” เนื่องในวันนวมินทร์มหาราช วันคล้ายวันสวรรคต 13 ตุลาคม คราวหน้ามาลุ้นกัน ว่าจะนำเสนอองค์ไหนครับ
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก สื่อโซเซี่ยล ครับ
ปล. หากมีวัด ศาสนถาน โรงเรียน โรงพยาบาล ฯลฯใดที่ต้องการประชาสัมพันธ์การขายวัตถุมงคลหรือบริจาคเพื่อการกุศลอย่างแท้จริง ทางคอลัม์พระบ้าน ยินดีประชาสัมพันธ์ให้ฟรีครับ
สนใจลงโฆษณาประชาสัมพันธ์ ติดต่อ 0818214442 ต้น