ที่ทำเนียบรัฐบาล คณะนักธุรกิจจากสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา – อาเซียน (U.S. – ASEAN Business Council: USABC) เข้าเยี่ยมคารวะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. และคณะรัฐมนตรี เนื่องในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทย ระหว่างวันที่ 26-28 มิ.ย. โดยทางฝั่งสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา มีนักธุรกิจสหรัฐฯ และผู้บริหารของ USABC ประกอบด้วย 39 บริษัทจาก 6 กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ (1) ด้านพลังงาน/โครงสร้างพื้นฐาน (2) ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (3) ด้านสุขภาพและชีววิทยาศาสตร์ (4) ด้านอาหารและการเกษตร (5) ด้านการผลิต/ภาษี และ (6) ด้านบริการทางการเงิน อาทิ Google, Netflix, American Express, Citi, Harley-Davidson, 3M, Ford, Microsoft, AIG, Chevron และ eBay เป็นต้น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวยินดีต้อนรับคณะนักธุรกิจ USABC โดยปีนี้เป็นปีที่ 13 ที่ USABC ก่อตั้งสำนักงานและนำคณะนักธุรกิจสหรัฐฯ เดินทางเยือนไทย สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและความสำคัญที่ USABC มีให้กับประเทศไทย จนทำให้สหรัฐฯเป็นคู่ค้าที่มีมูลค่าการค้ากับไทยมากเป็นลำดับต้นมาโดยตลอด รัฐบาลยังทราบถึงข้อห่วงใยของนักธุรกิจสหรัฐฯ และพยายามแก้ปัญหาดังกล่าว ทั้งการพัฒนาบุคคลากรเพื่อรองรับเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล การเปิดโอกาสให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติเข้ามาลงทุนในโครงการพื้นฐานหลักในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เป็นต้น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยเฉพาะการปฏิรูปและการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และการมุ่งไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมตามนโยบายประเทศไทย 4.0 โดยมุ่งเน้นที่ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งเป็นสาขาที่สหรัฐฯ มีความเชี่ยวชาญ โดยเฉพาะที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการเกษตร ยานยนต์และอากาศยาน อุตสาหกรรมการแพทย์ และอุตสาหกรรมดิจิทัล
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ รัฐบาลยังมุ่งเสริมสร้างความเชื่อมั่นเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจและการลงทุนที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจและการลงทุนของบริษัทต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) เนื่องจากมีฐานอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว และสามารถเป็นประตูและศูนย์กลางโลจิสติกส์ที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายการคมนาคมทั่วประเทศ รวมทั้งเชื่อมต่อไปยังประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศในภูมิภาคเอเชีย กลุ่มประเทศ CLMV รวมไปถึงกลุ่มความร่วมมือต่างๆ เช่น ACMECS, IORA เป็นต้น ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญสำหรับเอเชีย โอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเชิญชวนนักธุรกิจสหรัฐฯ พิจารณาลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย และเข้าร่วมโครงการต่าง ๆ ของไทยใน EEC
ในขณะเดียวกัน คณะสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา กล่าวแสดงความขอบคุณที่นายกรัฐมนตรีได้แสดงวิสัยทัศน์และแนวนโยบายเศรษฐกิจไทย พร้อมให้การสนับสนุนการปฏิรูปของไทย โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ ทั้งนี้ นักธุรกิจสหรัฐฯเชื่อมั่นและประสงค์ที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและธุรกิจระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเสนอแนวทางเพิ่มพูนความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัน อาทิ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของไทย การสร้างสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบและการลงทุน เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ เป็นต้น
สภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา กล่าวด้วยว่า พร้อมเป็นหุ้นส่วนในการผลักดันการดำเนินนโยบายประเทศไทย 4.0 และยุทธศาสตร์เศรษฐกิจดิจิทัล และสนับสนุนการปฏิรูปกฎหมายและกฎระเบียบที่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินธุรกิจ การพัฒนานวัตกรรมและเทคนโนโลยีของไทย ทั้งนี้ บริษัทชั้นนำของสหรัฐฯ อาทิ Dow Chemical ยังแสดงความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในพื้นที่เขต EEC โดยเฉพาะในสาขาการออกแบบ (Design) นวัตกรรม R&D ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่รัฐบาลให้การส่งเสริม นอกจากนี้ คณะนักธุรกิจ USABC และสหรัฐฯ พร้อมที่จะสนับสนุนไทยในฐานะประธานอาเซียน โดยเห็นว่าไทยมีบทบาทสำคัญต่ออาเซียนอย่างมาก
โอกาสนี้ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย กล่าวในนามของรัฐบาลและประชาชนว่า สหรัฐฯขอส่งกำลังใจและขอแสดงความห่วงใย กรณีนักฟุตบอลเยาวชนและผู้ฝึกสอนสูญหายเข้าไปภายในถ้ำหลวง จังหวัดเชียงราย โดยสหรัฐฯ ได้จัดส่งทีมช่วยเหลือเพื่อค้นหาและกู้ภัย ครั้งนี้ด้วย สำหรับการนำคณะนักธุรกิจสหรัฐฯ มาในครั้งนี้ เพื่อยืนยันถึงความร่วมมือในด้านการค้าการลงทุน ซึ่งถือเป็นพื้นฐานความร่วมมือทวิภาคีที่สำคัญระหว่างทั้งสองประเทศ
ในช่วงท้าย สภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา กล่าวแสดงความขอบคุณ USABC และนักธุรกิจสหรัฐฯ อีกครั้ง และหวังว่า USABC จะได้รับทราบและเข้าใจถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการปฏิรูปประเทศในทุก ๆ ด้าน และยืนยันว่าไทยยังคงมีศักยภาพที่จะร่วมมือกับสหรัฐฯ ได้อีกมาก นายกรัฐมนตรีเห็นว่า นักธุรกิจสหรัฐฯทุกคนเป็น “Friends of Thailand” ไทยยินดีรับฟังข้อชี้แนะ รวมทั้งพร้อมร่วมมือด้านการท่องเที่ยวตามนโยบาย Thailand +1 เพื่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค และหวังว่าการเยือนประเทศไทยในครั้งนี้จะได้รับประโยชน์จากการหารือกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับความร่วมมือทางด้านการค้าและการลงทุนระหว่างทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นและเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น