รักษาราชการแทนผู้บังคับการทางหลวง ยันไม่ได้ทำงานตามกระแสอย่างที่ “ส.ส.วิโรจน์”โพสต์ในโซเชียล ที่ผ่านมาดำเนินคดีแล้วกับตำรวจที่เกี่ยวข้องกว่า 40 นาย ยอมรับหลังบังคับใช้กฎหมายเรื่องบรรทุกเกินมีผู้ประกอบการรถบรรทุกเข้ามาขอให้ช่วยผ่อนปรนแต่ปฏิเสธไปทุกรายซึ่งอธิบดีกรมทางหลวงยังกำชับให้บังคับใช้กฎหมายดังกล่าวอย่างเต็มที่

วันที่ 5 ก.ย.66 พล.ต.ต จรูญเกียรติ ปานแก้ว รรท.ผบ.ทล. กล่าวถึง กรณีที่นาย วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกล โพสต์ในสื่อโซเชียลโดยสรุปว่าคดีส่วยสติ๊กเกอร์ทางหลวงซึ่งขณะนี้คดีอยู่ในระหว่างการดำเนินการของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยฝากไปถึงตำรวจให้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างเด็ดขาดมิใช่ทำตามกระแสสังคมและพอเรื่องเงียบหายไปก็ย้ายกลับมาอีก
พล.ต.ต จรูญเกียรติ กล่าวว่ากองบังคับการตำรวจทางหลวงได้มีการสั่งย้ายข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับส่วยสติ๊กเกอร์จำนวน 40 นายเข้ามาช่วยราชการที่กองบังคับการตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมา และได้มีการสอบสวนปากคำทุกคนเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วก่อนที่จะส่งเจ้าหน้าที่ทั้ง 40 นายกลับไปประจำที่หน่วยเดิมโดยไม่ให้ทำงานที่เกี่ยวข้องกับประชาชน หรือเกี่ยวกับการดำเนินการเกี่ยวข้องกับการทุจริตดังกล่าว โดยในจำนวนนี้มีตำรวจ 6 นาย ซึ่งมีพยานหลักฐานชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตส่วนสติ๊กเกอร์ ถูกส่งเรื่องไป ปปช. เพื่อชี้มูลความผิด นอกจากนี้ยังมีตำรวจทางหลวงอีกอีก 11 นาย ที่ถูกร้องเรียนในการกระทำความผิดรูปแบบอื่นๆ กองบังคับการตำรวจทางหลวงได้เรียกตัวทั้งหมดมาทำการอบรมพร้อมกับส่งกลับไปยังต้นสังกัดและติดตามพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ตำรวจทั้ง 40 นายจะถูกส่งเรื่องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติไปพิจารณาเรื่องการลงโทษทางวินัย และจะพิจารณาย้ายออกนอกหน่วยในการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งต่อไป
พล.ต.ต จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ในระหว่างการสืบสวนสอบสวนเรื่องดังกล่าวพบว่ามีเจ้าหน้าที่ประจำด่านชั่งน้ำหนักของกรมทางหลวงมีการร้องเรียนกันไปมา เกี่ยวกับการทุจริตสวยสติ๊กเกอร์และการเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการรถบรรทุก จึงได้เรียกเจ้าหน้าที่ทั้งหมดมาทำการสอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิจารณาส่งเรื่องให้ป.ป.ชชี้มูลความผิด
พล.ต.ต จรูญเกียรติ กล่าวต่ออีกว่า ทั้งนี้หลังจากมีการเข้าไปตรวจสอบเรื่องดังกล่าวพบว่า มีความพยายามจากผู้ประกอบการรถบรรทุกบางคนติดต่อขอให้ช่วยเหลือผ่อนคลายการบังคับใช้กฎหมายจับกุมเกี่ยวกับการบรรทุกนำหนักเกิน ซึ่งตนเองได้ปฏิเสธการให้การช่วยเหลือในทุกรูปแบบและให้ไปติดต่อทางกระทรวงคมนาคมเพื่อให้แก้ไขกฎหมายให้สามารถบรรทุกเกินได้ตามความต้องการของผู้ประกอบการแต่ละคน และยังได้แจ้งเรื่องดังกล่าวให้อธิบดีกรมทางหลวงรับทราบ ซึ่งทางอธิบดีได้กำชับให้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการบรรทุกน้ำหนักเกินอย่างเต็มที่โดยไม่ละเว้น เพราะบอกว่าปัญหาดังกล่าวสร้างความเสียหายกับถนนทางหลวงในหลายสายซึ่งต้องเสี่ยงบประมาณในการซ่อมแซมเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ ยืนยันว่ากองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางได้บังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการจับกุมรถบรรทุกเกินและการปราบปรามการทุจริตในกองบังคับการตำรวจทางหลวงอย่างเต็มที่ไม่ได้ทำงานตามกระแสอย่างที่กลุ่มการเมืองบางฝ่ายตั้งข้อสังเกต และเพื่อไม่ให้ข้าราชการตำรวจในหน่วยไปแสวงหาเงินจากการทุจริต ตนได้เข้าไปตรวจสอบและดูแลสวัสดิการของเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงให้ได้รับค่าตอบแทนอย่างเต็มที่” พล.ต.ต จรูญเกียรติ กล่าวทิ้งท้าย
#thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์