“ยิ่งลักษณ์” โพสต์FBเดินทางมาส่ง “ทักษิณ”กลับไทยโดยเครื่องบินส่วนตัวเทคออฟจากสนามบินสิงคโปร์แล้ว ขณะมวลชนมารอต้อนรับแน่น
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความและภาพถ่ายลงในfacebook หลังส่งนายทักษิณ ชินวิตร อดีตนายกรัฐมนตรี พี่ชายขึ้นเครื่องบินส่วนตัวที่สนามบินสิงคโปร์เพื่อเดินทางกลับมาประเทศไทยว่า
“และแล้ววันที่พี่รอคอยก็มาถึง
ตลอดเวลา 17 ปี พี่คงจะรู้สึกโดดเดี่ยว เหงา ทุกข์ และคิดถึงบ้านมากแต่พี่ก็ต้องอดทน และน้องเชื่อว่าพี่ก็คงใช้เวลาคิดตัดสินใจอยู่นาน แต่สุดท้ายด้วยความคิดถึงครอบครัวและอยากใช้ชีวิตที่ประเทศบ้านเกิดของเรา น้องก็เคารพในการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวของพี่ครั้งนี้ น้องขอเก็บภาพความทรงจำที่ได้ร่วมเดินทางจากดูไบมาส่งพี่ จนถึงเครื่องบินก่อนที่จะกลับเมืองไทย
น้องขอให้พี่โชคดี เดินทางกลับอย่างปลอดภัย ทุกอย่างราบรื่น และอย่าลืมรักษาสุขภาพให้แข็งแรงนะคะ พี่ไม่ต้องห่วงน้องนะ น้องจะเข้มแข็ง อดทน และจะดูแลตัวเองแม้อยู่ในต่างที่ ต่างบ้าน ต่างเมืองคนเดียว เพราะตลอด 6 ปีที่น้องจากบ้านเกิดมา น้องมีพี่คอยดูแลเป็นอย่างดี แต่ก็อดใจหายไม่ได้ เพราะนี้คือครั้งแรกที่เราไม่ได้เดินทางไปด้วยกัน
อย่างไรก็ตามขอให้วันเวลาที่พี่ตั้งตารอที่จะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัววันนั้นมาถึงโดยเร็ว โชคดีนะคะพี่ รักพี่เสมอพี่ชายที่แสนดีของน้องค่ะ”
ผู้สื่อข่าวยืนยันว่า ปรากฏชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้โดยสารเครื่องบินส่วนตัว และเทคออฟออกจากสนามบินสิงคโปร์ แล้ว มีกำหนดเดินทางถึงไทยเวลาประมาณ 09.00 น.โดยมีภาพนายทักษิณ นั่งโดยสารอยู่บนเครื่องบินส่วนตัวสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวผูกเนคไทสีโอลด์รสสดใส สีเดียวกับที่ถ่ายคู่กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์
ขณะบรรยากาศที่สนามบินดอนเมือง ได้มีมวลชนเสื้อแดงจากหลายจังหวัดทั่วประเทศ เดินทางมารอคอยนายทักษิก เดินทางกลับไทยในรอบ 17 ปี โดยยืนรอคอยตั้งแต่ ปั๊ม ปตท. ริมถนน เรื่อยมาจนถึง หน้าอาคาร MJets ที่คาดว่า เป็นอาคารจอดเครื่องบินส่วนบุคคลที่คาดว่าเครื่องบินที่นำนายทักษิณ จะเดินทางมาลง ซึ่งจุดที่มวลชนรอคอยสองข้างทาง มีระยะทางยาวประมาณ 300 เมตร
ด้าน เจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เปิดให้สื่อมวลชนลงทะเบียน เพื่อเข้าไปติดตามทำข่าวการเดินทางกลับมาของนายทักษิณ และเปิดให้เดินเข้าไปยังหน้าอาคารผู้โดยสารอากาศยานส่วนบุคคล (MJETs) โดยมีการตรวจค้นตามมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยมีสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศมาติดตามรายงานข่าวจำนวนมาก
