ตำรวจCIBร่วมกับอย.แถลงจับเภสัชเถื่อน 13 ราย ลักลอบขายยาแก้ไอให้วัยรุ่น

1020

ตำรวจสอบสวนกลาง(CIB) ร่วม อย. ลุย จัดระเบียบเข้มทั่วกรุงฯ รวบเครือข่ายร้านยา จับเภสัชเถื่อน 13 ราย ลักลอบขายยาแก้ไอให้วัยรุ่น ยึดของกลางที่เกี่ยวข้องกว่า 156 รายการ มูลค่าความเสียหายกว่า 1,400,000 บาท

วันนี้ (15 ส.ค.66) ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พ.ต.อ. ชัฏฐ นากแก้ว และ ภก. วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติงาน กรณีจับกุมกวาด ล้างร้านขายยาที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระดมตรวจค้นร้านขายยาทั่วกรุงเทพมหานคร จับกุมผู้ต้องหาที่ ไม่ใช่เภสัชกร 13 ราย พร้อมยึดของกลางที่เกี่ยวข้องกว่า 156 รายการ มูลค่าความเสียหายกว่า 1,400,000 บาท

พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้ว รอง ผบก.ปคบ. กล่าวว่าจากการตรวจสอบในครั้งนี้พบ ยาไม่มีทะเบียน และ ยาปลอม ซึ่งทางตำรวจเฝ้าระวังและจะขยายผล ถึงต้นตอของยาไม่มีทะเบียน และยาปลอมที่ตรวจพบในร้าน ขายยา ทั้งนี้ขอความร่วมมือร้านขายยาทั้งหลายให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และร้านที่ไม่ได้รับ อนุญาตจะดำเนินการกวาดล้างต่อไป และฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนว่าว่ายาคือหนึ่งในปัจจัยสี่ ที่ ใช้เพื่อรักษาโรคหรือบรรเทาอาการเจ็บป่วยจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้อย่างถูกวิธีและได้รับคำแนะนำในการใช้ อย่างละเอียด จากผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม โดยเฉพาะยาอันตรายและยาควบคุมพิเศษซึ่งจะต้องใช้อย่าง ระมัดระวังตามใบสั่งของแพทย์ เท่านั้น หากพี่น้องประชาชนพบเห็นร้านขายยาใดมีพฤติกรรมในการใช้ พนักงานขายยาที่ไม่ใช่ผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมหรือการกระทำความผิดกฎหมาย

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคได้รับการร้องเรียนจากประชาชน และได้รับการประสานงานจากสำนักงาน คณะกรรมการอาหารและยา ให้ตรวจสอบร้านขายยาที่มีพฤติการณ์ใช้พนักงานขายยาที่ไม่ใช่เภสัชกร ขาย ยาแก้แพ้ ยาแก้ไอ ยาแคปซูลเขียวเหลืองให้กลุ่มวัยรุ่นเพื่อเป็นส่วนผสมยาเสพติดชนิด 4×100 อีกทั้งสภา เภสัชกรรมได้เคยประชุมหารือกับ กก.4 บก.ปคบ. และได้แถลงจุดยืนเน้นย้ำให้ร้านขายยาทุกร้านจะต้องมี เภสัชกรประจำาโดยจะดำเนินการกับเภสัชกรแขวนป้าย จึงเป็นที่มาในการจัดระเบียบร้านขายยาในครั้งนี้

โดยในห้วงวันที่ 24 กรกฎาคม 2566 – 9 สิงหาคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ได้ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เข้าตรวจสอบเครือข่ายร้านขายยาที่ทำผิดกฎหมายรายใหญ่ ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร จํานวน 14 จุด ตรวจยึดยา ปลอม 572 ชิ้น, ยาไม่มีทะเบียน จำนวน 212 ชิ้น, ยาแก้ไอชนิดน้ำเชื่อม 24,722 ขวด, ยาเขียวเหลือง (ทรามาดอล) 4,150 แคปซูล และยาควบคุมพิเศษ จำนวน 21 กล่อง จับกุมผู้ต้องหาซึ่งไม่ใช่เภสัชกรและ ไม่มีความรู้ด้านเภสัชกรรม

พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้ว กล่าวต่อว่า ผู้ต้องหา จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 3 ราย มัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 2 ราย และปริญญาตรี จำนวน 8 ราย รวมทั้งสิ้น 13 ราย ดำเนินคดีข้อหา “ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมฯ โดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาต” โดยผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับว่า รับจ้างเป็นพนักงานขายยาภายในร้านขายยาซึ่งอยู่ประจำร้านทุกวัน และจะมีเภสัชกรเข้ามาดูแลร้านเพียงสัปดาห์ ละ 1 ครั้ง โดยได้รับค่าจ้างเดือนละ 12,000-18,000 บาท

จากการสืบสวนขยายผลพบว่า ร้านขายยาดังกล่าวข้างต้นมีรูปแบบการกระทําความผิดในลักษณะ ที่เจ้าของผู้ดำเนินกิจการรายเดียว ยื่นขออนุญาตเปิดร้านขายยาหลายแห่ง เพื่อจะได้รับโควต้าในการซื้อ ยาแก้แพ้ ยาแก้ไอในปริมาณมาก ซึ่งเครือข่ายดังกล่าวมีเจ้าของประกอบด้วย น.ส.อุมาพรฯ (สงวน นามสกุล) จํานวน 8 ร้าน, น.ส.วนิดา (สงวนนามสกุล) จํานวน 3 ร้าน, นายพัทธนนท์ (สงวนนามสกุล) จำนวน 2 ร้าน และ น.ส.นวรัตน์ จำนวน 1 ร้าน โดยสถานที่ตั้งร้าน จะเลือกทำเลอยู่ในแหล่งชุมชนหรือ อพาร์ทเม้นท์ ซึ่งมีกลุ่มวัยรุ่นพักอาศัยอยู่มาก ทำให้สะดวกต่อการซื้อ ซึ่งร้านขายยาในชุมชน มีเจตนารมณ์ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการรักษาโรคและยาได้ง่ายขึ้น แต่ปัจจุบัน บรรดาผู้ประกอบการที่คิดแสวงหา กำไรอาศัยช่องว่างทางกฎหมายโดยการขายยาบางประเภทผิดจากวัตถุประสงค์ โดยมุ่งเน้นจำหน่ายเฉพาะ กลุ่มวัยรุ่นเพื่อนำมาผสมกับน้ำกระท่อมดื่มเพื่อความมึนเมาและเสพติดเป็นจำนวนมาก

ภก. วีระชัย นาวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวเพิ่มเติมว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้ สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอขอบคุณตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ที่สืบสวน ขยายผล ตรวจสอบเครือข่ายร้านขายยากลุ่มเสี่ยง ที่มี พฤติการณ์ขายยาแก้แพ้ แก้ไอ และยาแก้ปวดทรามาดอลให้แก่กลุ่มเยาวชนจนสามารถตรวจยึดยาจำนวนมาก ปัจจุบัน อย. มีมาตรการกำกับดูแลการจําหน่ายยากลุ่มเสี่ยงตลอดห่วงโซ่ ตั้งแต่การผลิต/นำเข้า การ ขายให้ร้านขายยา ตลอดจนการจ่ายยาให้ผู้ป่วย กรณีตรวจพบการซื้อขายยาในทางที่ผิด นอกจากจะถูก ดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว ยังถูกพักใช้ใบอนุญาตเป็นเวลา 120 วัน หรือถูกเพิกถอนใบอนุญาตด้วย ตั้งแต่ปี 2561 – ปัจจุบัน มีร้านขายยาที่ถูกพักใช้ใบอนุญาตไปแล้วกว่า 78 ร้าน, โรงงานผลิตยาถูกพักใช้ใบอนุญาต 2 แห่ง และบริษัทขายส่งยาถูกเพิกถอนใบอนุญาต 1 แห่ง สำหรับเภสัชกรที่ไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเวลาทำการ หรือไม่ควบคุมการจัดทําบัญชีซื้อและขายยาโดยเฉพาะยาอันตรายกลุ่มเสี่ยง อย. จะดำเนินคดีตามกฎหมาย และส่งเรื่องให้สภาเภสัชกรรมพิจารณาจรรยาบรรณ ทั้งนี้ หากผู้บริโภคพบร้านขายยาที่มีพฤติการณ์ ดังกล่าวข้างต้น สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือผ่าน Email: 1556@fda.moph.go.th, Line: @FDAThai, Facebook FDAThai หรือ ตู้ปณ. 1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุข จังหวัดทั่วประเทศ

ซึ่งกรณีผู้รับอนุญาตหรือผู้ดำเนินกิจการร้านขายยา(เจ้าของร้านขายยา) ที่ขออนุญาตเปิดร้านขายยาที่มี ยาปลอมและยาไม่มีทะเบียน โดยมีพฤติการณ์ขายยาแก้แพ้แก้ไอและยาเขียวเหลืองให้กับเยาวชน เบื้องต้นมี ความผิดฐาน “ไม่จัดทําบัญชียาที่ซื้อและขายตามที่กำาหนดฯ, ขายยาอันตรายในระหว่างที่เภสัชกรไม่อยู่ ปฏิบัติหน้าที่, ขายยาที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา และขายยาปลอม” ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและ ยาจะได้เสนอคณะกรรมการยาพักใช้ใบอนุญาตต่อไป

#thaitabloid