“ก้าวไกล”สร้างมิติใหม่
ยืนหนึ่งล้างการเมืองน้ำเน่า”
หลังนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา สั่งเลื่อนการโหวตนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ซึ่งเป็นคิวการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ออกไป โดยอ้างว่าศาลรัฐธรรมนูญรับพิจารณาประเด็นการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีซ้ำขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยพร้อมแกนนำก็เดินเกมจัดตั้งรัฐบาลด้วยการเข้าหาพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลเก่าทันที ประเดิมจับมือกับพรรคภูมิใจไทยหลังหารือก็ตั้งโต๊ะแถลงข่าว
ผลการแถลงข่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางทั้งสื่อกระแสหลักและสื่อโซเซียล โดยเฉพาะประเด็นที่นพ.ชลน่าน ตอบถึงแคมเปญช่วงหาเสียงที่เคยถล่มพรรคภูมิใจไทยว่า
”ไล่หนูตีงูเห่า มันเป็นภาพของการรณรงค์ให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียงเลือกตั้ง..ทางการเมืองเราไปขอเสียงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชน เราไม่เคยประกาศว่าเราเป็นศัตรูกับใคร…”
นพ.ชลน่าน ที่ชาวบ้านให้เครดิตว่าเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือ และสื่อมวลชนเคยให้ฉายาคนดีศรีสภา ก็กลายเป็นบุคคลที่ไร้ความน่าเชื่อถือโดยพลัน
พร้อมกับการตั้งคำถามมากมายว่าที่พรรคการเมืองแต่ละพรรคปราศรัยหาเสียงนั้น เชื่อถือได้แค่ไหนหรือเป็นเพียงแค่การแสดงละครน้ำเน่าเพื่อหลอกลวงชาวบ้าน หรือเพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจและนำนายใหญ่กลับบ้านให้ได้ ก็สามารถพลิกลิ้น ตอแหล แบบได้ใจนาย เสมือนถ่มน้ำลายลงบนกองขี้หมาแล้วเลียกลับเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย
ดังนั้นนับแต่นี้ไปจนถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี การเดินเกมของพรรคเพื่อไทยเพื่อดึงพรรคต่างๆมาร่วมรัฐบาลบริบททั้งหลายก็คงไม่แตกต่างกับที่พบกับพรรคภูมิใจไทย
เพราะทราบกันดีอยู่แล้วว่าช่วงปราศรัยหาเสียงเพื่อไทยดูแคลนพรรคร่วมรัฐบาลเก่าแค่ไหน แต่เมื่อจะผสมพันธุ์ทางการเมืองกันแล้ว ทุกพรรคก็พร้อมยิ้มรับลืมทุกคำพูดที่เคยประณามถากถาง หมิ่นประมาทถึงขั้นฟ้องศาลกันก็ถอนฟ้องกันเรียบร้อย
“แม้ประเทศไทยจะปกครองระบอบประชาธิปไตยมาถึง 91 ปี แต่สปิริตนักการเมืองมิได้พัฒนาตามแต่อย่างใด ยังวนเวียนอยู่ในวงจรอุบาทว์ เพียงเพื่ออำนาจจากที่เคยเล่นบทคนดีก็พร้อมที่จะเล่นบทกะล่อนตอแหลได้ทันที”
เมื่อทอดตามมองเพื่อสร้างมิติใหม่ทางการเมือง สลัดวงจรอุบาทว์ทางการเมืองให้ค่อยๆหลุดไปก็มีเพียงพรรคก้าวไกลที่พอจะคาดหวังได้
เพราะจากบทบาทฝ่ายค้านที่เปี่ยมคุณภาพ จนพรรคร่วมฝ่ายค้านเก๋าเกมอย่างเพื่อไทยแทบตามไม่ทัน บวกกับบุคลากรของพรรคที่มากความสามารถทันสมัย บวกกับแนวคิดที่จะต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไปในทางที่ดีขึ้น
คุณสมบัติเหล่านี้ส่วนใหญ่พื้นฐานจะเป็นกลุ่มคนที่มีสปิริตสูง เห็นแก่ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว
“ณ เวลานี้ นับแต่ก้าวไกลชนะเลือกตั้งเป็นพรรคอันดับ 1 พร้อมเดินเกมจัดตั้งรัฐบาลแล้วแต่ไม่สำเร็จ มวลชนที่เทเลือกมากกว่า 14 ล้านเสียง ต่างทราบอุปสรรคกันแล้วว่าเส้นทางเป็นรัฐบาลล้วนเต็มไปด้วยกับดัก”
บวกกับมีส.ส.แค่ 151 เสียง หากเป็นแกนนำและหัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรีโอกาสที่จะผลักดันนโยบายที่ประกาศไว้ก็ไม่สามารถทำได้เต็มไม้เต็มมือ เมื่อหมดวาระประชาชนที่เทคะแนนให้ก็จะขาดความเชื่อถือ
ดังนั้นนับแต่นี้ไปเชื่อว่าสิ่งที่แฟนคลับก้าวไกลอยากเห็นคือ ไม่อยากให้ก้าวไกลต้องไปไหลไปหลอมรวมกับพรรคการเมืองระบบเก่าที่พร้อมจะพลิกลิ้น กะล่อน เสียวาจาเพียงเพื่ออำนาจและนายใหญ่ที่ชักใย
ที่สำคัญคืออยากเห็นพรรคก้าวไกล ที่สมาชิกพรรคส่วนใหญ่ที่เป็นคนรุ่นใหม่ หลายคนประสบการทางการเมืองน้อย แต่อุดมการณ์ทางการเมืองยังแข็งแกร่ง ทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ยอมหักไม่ยอมงอกับความไม่ถูกต้อง
สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการเมือง ปฏิเสธการเมืองน้ำเน่าทุกรูปแบบ เมื่อมีอำนาจก็อย่ายึดติดเหมือนนักการเมืองรุ่นเก่า ที่สร้างภาพให้ตัวเองดูดีแต่ทางปฏิบัติกลับเสพติดอำนาจแบบถอนตัวไม่ขึ้น ถึงขั้นจะทำพรรคที่สังกัดให้พังกับมือ
โดยสปิริตแรกที่ก้าวไกลพึงกระทำคือทำตามเจตนารมณ์ที่เคยประกาศคือปิดสวิตซ์ส.ว.ด้วยโหวตหนุนนายกรัฐมนตรีที่มาจากเพื่อไทย แล้วประกาศจุดยืนขอเป็นฝ่ายค้านพร้อมให้นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก ลาออกจากตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเป็นฝ่ายค้านที่สมบรูณ์
“ถ้าพรรคก้าวไกลเดินเกมในลักษณะนี้ได้คงเส้นคงวา ทำหน้าที่ฝ่ายค้านเปี่ยมคุณภาพเหมือนเดิม การเมืองใหม่ที่เต็มไปด้วยสปิริต มาตรฐานสูง ที่คนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก่าบางส่วนอยากเห็นเกิดขึ้นแน่นอน”
เมื่อถึงวาระเลือกตั้งเชื่อว่านักการเมืองที่กลุ่มอนุรักษ์นิยมชักใย รวมถึงนักการเมืองรุ่นเก่า ที่เสพติดอำนาจกันจนเคยตัว จะถูกฆ่าด้วยปากกาของประชาชนให้ตายไปพร้อมกับการเมืองน้ำเน่า ถึงเวลานั้นประเทศไทยจะพลิกโฉมเป็นประเทศประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ตามแบบสากล
ความหวังนี้คงจะมีเพียงก้าวไกลเท่านั้นที่จะทำได้เพราะเป็นพรรคเดียวที่ชนะแบบไร้ซื้อเสียง!!!
