ในหลวงฯโปรดเกล้าฯพระราชทานความช่วยเหลือแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุโกดังเก็บพลุและดอกไม้ไฟระเบิด โดยทรงรับผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ขณะ นายกฯตู่พร้อมคณะบินลงใต้ ต.มูโนะ ให้กำลังใจผู้ป่วย ญาติพี่น้อง แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย รวมทั้งจิตอาสาทุกคน ในการก้าวผ่านเหตุการณ์ในครั้งนี้ไปด้วยกัน

เมื่อวันที่ 4 ส.ค.66 ผู้สื่อข่าวไทยแทบลอยด์ รายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยผ่านเพจศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี (PMOC) ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานความช่วยเหลือแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุโกดังเก็บพลุและดอกไม้ไฟระเบิด ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส โดยทรงรับผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ รวมทั้งพระราชทานให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ และโรงครัวพระราชทาน ให้การช่วยเหลือ-มอบสิ่งของพระราชทาน ให้กับประชาชนผู้ประสบเหตุ ยังความปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแก่ผู้ประสบภัยและญาติ อย่างหาที่สุดมิได้

ในส่วนของรัฐบาลนั้น ตนได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เติมเต็มความช่วยเหลือจากทุกกระทรวงและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าไปในพื้นที่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ และฟื้นฟูให้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติสุขที่สุดให้ได้ในเร็ววัน อีกทั้งให้ได้รับสวัสดิการตามสิทธิ์ การเยียวยาตามกฎหมายอย่างเต็มที่และรวดเร็ว
สำหรับการลงพื้นที่ในวันนี้ ตั้งใจที่จะไปให้กำลังใจผู้ป่วย ญาติพี่น้อง แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย รวมทั้งจิตอาสาทุกคน ในการก้าวผ่านเหตุการณ์ในครั้งนี้ไปด้วยกัน โดยผมได้เห็นรอยยิ้มของผู้ประสบภัยที่นับว่ามีความเข้มแข็งและมีกำลังใจที่ดี ได้เห็นบรรยากาศการร่วมไม้ร่วมมือกันทำงานของทุกฝ่ายอย่างทุ่มเทและเสียสละ เหมือนทุกๆ ครั้ง ไม่ว่าจะเกิดวิกฤตใดในบ้านเมืองของเรา ความรักและความสามัคคีของคนในชาติ คือ ทางออกที่ดีที่สุด และเป็นจุดแข็งของคนไทยเราในทุกยุคทุกสมัย

ในการนี้ ขอขอบคุณและขอชื่นชมทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมกัน “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้กับพี่น้องประชาชนของเราในครั้งนี้ โดยขอให้มั่นใจว่า จะยังคงทำหน้าที่ให้ดีที่สุด อย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อสานพลังและความศรัทธา ในการนำพาประเทศของเรา ผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ ไปสู่ความเจริญก้าวหน้าอย่างที่เรามุ่งหวังต่อไป “นายกรัฐมนตรี กล่าว”

