หน้าแรกกระบวนการยุติธรรม"หน่วยงานความมั่นคง"พบ"ด้อมส้ม"เคลื่อนไหวพรึ่บทั่วประเทศ ประเมินรัฐสภานัดประชุมโหวตนายกฯ 27 ก.ค.นี้มีกลุ่มมวลชนเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้น

“หน่วยงานความมั่นคง”พบ”ด้อมส้ม”เคลื่อนไหวพรึ่บทั่วประเทศ ประเมินรัฐสภานัดประชุมโหวตนายกฯ 27 ก.ค.นี้มีกลุ่มมวลชนเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้น

เมื่อวันที่ 20 ก.ค.2567 ผู้สื่อข่าวไทยแทบลอยด์ รายงานว่า หน่วยงานความมั่นคง ได้รายการเคลื่อนไหว ของกลุ่มต่างๆ พบว่าภายหลังที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล หยุดปฎิบัติหน้าที่ รวมถึงกรณี สมาชิกรัฐสภามีมติไม่ให้เสนอชื่อนายพิธา ซ้ำได้อีก ทำประชาชนหลายลุ่มที่เป็นสมาชิกและผู้ที่ไปใช้เสียงเลือกตั้งเลือกพรรคก้าวไกล ออกมาเคลื่อนไหวในวงกว้าง ดังนี้

ที่ จว.ลําพูน เวลา 07.21 – 07.40 น.ที่สะพานข้ามแม่น้ำกวง (ขาขึ้น) ระหว่าง ต.ปากบ่อง อ.ป่าซาง

เชื่อมต่อกับ ต.ต้นธง อ.เมืองฯ พบการ เขียนป้ายผ้าสีขาว ตัวหนังสือสีส้มนํามาแขวนบนสะพาน ระบุข้อความว่า “I’m from lamphun, support Pita as prime minister #30 โดยเป็นข้อความลักษณะการกําลังใจให้นายพิธา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่30 ในการนี้ อําเภอป่าซาง ได้ตรวจสอบและทําการปลดป้ายดังกล่าว พร้อมทั้งแจ้งเทศบาลตําบลป่าซาง พิจารณา ดำเนินการตามอํานาจหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

ที่ จว.นครศรีธรรมราช พบชายยืนชูป้าย เชียร์ก้าวไกล โดนไล่ไปหางานทํา ควักโฉนดที่ดินฟาด แค่ 2 แปลง 50 ล้าน ชายชาวนครศรีธรรมราช ยืนชูป้ายเชียร์ก้าวไกล หนุนนาย พิธา เป็นนายกรัฐมนตรี โดนไล่ไปหางานทํา เป็นพลเมืองที่ดี ควักโฉนดที่ดินฟาด แค่ 2 แปลง 50 ล้านเป็นคลิปที่ถูกพูดถึงกันอย่างมากใน TikTok เมื่อผู้ใช้ชื่อว่า jom.organic101 ที่เป็นผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล โดยออกไปชูป้ายที่แยกท่าศาลา จว.นครศรีธรรมราช เพื่อเรียกร้องให้สนับสนุน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี โพสต์คลิปตอบโต้ คอมเมนต์ ที่แนะนําให้วางป้ายแล้ว ไปหาการหางานทํา เป็นพลเมืองที่ดีโดยเจ้าตัวโพสต์โฉนดที่ดินจํานวนมากมา ตอบโต้ โดย ระบุว่า ห่วงใยกูจัง ไม่ได้ขอข้าวใครกิน พร้อมโชว์โฉนดที่ดินจํานวนมากอีกคลิปเจ้าตัวโพสต์ตอบโต้ คนที่มาคอมเมนต์ว่าเป็นโฉนดที่ดินถ่ายเอกสาร โดยระบุว่า จับผิดกูจริง ผิดที่เป็นด้อมส้มใช่มั้ย พร้อมนําโฉนด ที่ดินมาแปลงมาอธิบายเช่นแปลงที่ดิน อ.ลานสกามีมูลค่าประมาณ 20 ล้านบาทและอีกแปลงอยู่ห่างจากศูนย์ การแพทย์ ม.วลัยลักษณ์ มูลค่าประมาณ 30 ล้านบาททั้งนี้เจ้าตัวตอบคอมเมนต์คนที่เข้ามาแสดงความคิดเห็น ระบุว่า ทําธุรกิจซื้อขายที่ดิน

ที่ จว.นครราชสีมา เวลา 10.30 – 13.00 น.ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ลานย่าโม) กลุ่ม สนับสนุนพรรคก้าวไกล CR. ผู้ไม่สยบยอม จํานวน 3 คน นําโดย นายสุวิทย์ สุวิสูตร ทํากิจกรรมชูป้ายเชิญชวน ออกมาแสดงพลัง ต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรี จะปล่อยให้ สว. 250คน มันมีอํานาจเหนือมติของประชาชนโดยมีจุดประสงค์ เพื่อเชิญชวนให้ประชาชนในพื้นที่ออกมาแสดงพลังของประชาชนที่สนับสนุนพรรคก้าวไกล และต้องการให้นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี อีกทั้งเรียกร้องให้ สว. 250 คน เคารพเสียงของประชาชนในการโหวต นายกฯซึ่งจากการจัดกิจกรรมดังกล่าวไม่ได้รับความสนใจจากประชาชนในพื้นที่แต่อย่างใดจากนั้นกลุ่มฯได้ ยุติกิจกรรม และได้เดินทางไปที่ศูนย์ประสานงานพรรคก้าวไกล ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมาฯ เพื่อเข้าร่วม กิจกรรม “ร่วมวงสภากาแฟ” รับชมการถ่ายทอดสดจากรัฐสภาการโหวตนายกรัฐมนตรี

ขณะเดียวกัน เวลา 14.30 – 17.15 น.ที่ศูนย์ประสานงานพรรคก้าวไกล ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมาฯ พรรคก้าว ไกล จว.นครราชสีมา นําโดย นางภัทรกาญจน์ ทองแดง ผู้ประสานงาน

พรรคก้าวไกล จว.นครราชสีมา ได้จัดกิจกรรม “ร่วมวงสภากาแฟ” จุดประสงค์เพื่อร่วมรับชมการถ่ายทอดสดในการโหวตนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 2 มีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรม (สมาชิกพรรคฯ) ประมาณ 20 คน โดย สาระสําคัญของการจัดกิจกรรมเป็นการรับชมการถ่ายทอดสดการประชุม

รัฐสภา ซึ่งไม่มีการเสวนาหรือกิจกรรมสําคัญแต่อย่างใด จากนั้น กลุ่มฯ ได้ยุติกิจกรรม

ที่ จว.ระยอง  นายกิตติเดช ปรมัตถ์วรโชติ อายุ 59 ปี เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวชินวัตร ติดตั้งป้ายข้อความ “ก๋วยเตี๋ยวชินวัตร ระยอง ร้านนี้ไม่ขายอาหารให้แก่ กกต.-สว. และลูกหลานทุกคน” ที่บริเวณด้านหน้าทางเข้าร้านก๋วยเตี๋ยวชินวัตร ริม ถ.สายชายกะป่อม (หลังธนาคารกสิกรไทย) ต.ท่าประดู่ อ.เมือง จว.ระยอง เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์กดดันให้ กกต. และ สว. รับฟังเสียงของประชาชน ซึ่งพรรคก้าวไกลได้รับคะแนนเสียงจากการเลือกตั้ง ส.ส. เป็นอันดับที่ 1 พร้อมทั้งเรียกร้องให้ สว. ลงมติเลือกนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี ข้อพิจารณา จากเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น ค่อนข้างเป็นที่สนใจของประชาชนโดยไป ซึ่งต่อไปอาจจะเกิดพฤติกรรมการเรียนแบบได้ เนื่องจากมีแนวร่วม และผู้สนับสนุนของพรรคก้าวไกลอยู่ในพื้นที่อยู่เป็นจํานวนมาก และอาจจะก่อให้เกิดปัญหาการแตกแยกของ ประชาชนในพื้นที่ได้

ที่ จว.พะเยา เวลา 16.30 – 18.00 น.ที่บริเวณหน้า ม.พะเยา กลุ่มพะเยาเสรีประชาธิปไตย ม.พะเยา มวลชน 20 คน นัดชุมนุมได้มีมวลชนมาร่วมชุมนุม โดยนําป้าย ข้อความ”ส.ว.ค.” มาตั้งบริเวณลานหน้าป้าย ม.พะเยา ประชาชนที่ผ่านไป-มา ไม่ให้ความสนใจ โดยมีนายรัฐศาสตร์ ชาแท่น แกนนํามาให้ สัมภาษณ์นักข่าวถึงกระบวนการพิจารณาตัดสิทธิ์นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ โดยมี เจ้าหน้าที่ตํารวจ สภ.แม่กาฯ มารักษาความสงบเรียบร้อย

ที่ จว.ร้อยเอ็ด เวลา 16.00 – 18.05 น.ที่บริเวณลานสาเกตุหน้าหอโหวด ต.ในเมือง อ.เมือง จว.ร้อยเอ็ด สมาชิกกลุ่มพรรคก้าวไกล จว.ร้อยเอ็ด ใช้ชื่อกลุ่มว่า “เครือข่ายประชาชนประชาธิปไตยร้อยเอ็ด” จํานวน 10 คน นําโดยนายสนิท กล้าหาญ ผู้ประสานงานพรรคก้าวไกล จว.ร้อยเอ็ด ได้เดินทางมารวมตัวกัน วัตถุประสงค์เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ส่งกําลังใจ

ให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ให้เป็นนายกรัฐมนตรี กลุ่มกําลังจัดเตรียมสถานที่ติดแผ่นป้ายข้อความโจมตี กกต., สว., และศาลรัฐธรรมนูญ ที่ไม่เคารพเสียงข้างมากของประชาชน กลุ่มฯ กล่าวปราศรัยด้วยโทรโข่ง และได้มีการไลน์สดผ่านเพจ “พรรคก้าวไกล จังหวัดร้อยเอ็ด – Move Forword Party of Roi-Et มีประชาชนที่อยู่ในบริเวณหอโหวดค่อนข้างให้ความสนใจน้อยไม่มีส่วนร่วมกับกิจกรรม ยุติกิจกรรม แยกย้ายเดินทางกลับ

ที่ จว.มหาสารคาม  เวลา 16.30 – 17.30 น.ที่บริเวณ ลานแปดเหลี่ยม หน้าตึกวิทยาลัยการเมือง การปกครอง มมส. ต.ขามเรียง อ.กันทรวิชัยฯ กลุ่มเสรีมวลชนเพื่อสังคม นําโดย นายพงศธรณ์ ตันเจริญ (บอย) นิสิตชั้นปีที่ 4 วิทยาลัยการเมืองการปกครอง มมส./แกนนํากลุ่มเสรีมวลชนเพื่อสังคม จัดกิจกรรม “ลั่นกลองรบปราบอันธพาลการเมือง”วัตถุประสงค์ เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์คู่ขนานการประชุมรัฐสภาในการลงมติโหวตเลือก นรม. (ครั้งที่ 2) โดยภายในกิจกรรมมีการแขวนป้ายผ้าสีขาว จํานวน 2 ผืน ข้อความดังนี้ “กูสั่งให้มึง เคารพมติประชาชน”,“ไม่อํานาจใดยิ่งใหญ่กว่าอํานาจประชาชน มีนิสิตนักศึกษาเข้าร่วม ประมาณ 70 คนกิจกรรม โดยมีรายละเอียดภายในกิจกรรมพอสรุปได้ดังนี้  มีนายพงศธรณ์ฯ กล่าวถึงการจัด กิจกรรมของกลุ่มเสรรีมวลชนในครั้งนี้เพื่อออกมาแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญให้ ยุติการปฏิบัติหน้าที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล และไม่มีสิทธิ์ดํารง ตําแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนเป็นคนเลือก ขอให้ร่วมกันออกมาคว่ำบาตรรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ที่ทําให้ เกิดปัญหายกเลิก 250 สว.ที่จัดตั้งโดยรัฐบาลทหารยุติบทบาทระบอบเผด็จการ คืนอํานาจประชาธิปไตย ให้กับประชาชน ขอให้ผู้รักในประชาธิปไตยลุกขึ้นมาต่อสู้พร้อมกันทั่วประเทศ ร่วมกันอ่านแถลงการณ์,จุดเทียน รวมกันถ่ายรูป ยุติกิจกรรม แยกย้ายเดินทางกลับ

ขณะเดียวกัน ที่จว.ศรีสะเกษ  เวลา 17.15 – 18.45 น.ที่บริเวณลานด้านข้างศาลหลักเมืองศรีสะเกษ อ.เมือง ศรีสะเกษ กลุ่มแนวร่วมพรรคก้าวไกลและอดีตผู้สมัครพรรคก้าวไกล ประมาณ 50 คน นําโดย นายพรสิทธิ์ รักษาทรัพย์ (ทนายต่อ) อดีตผู้สมัคร สส.เขต 5 พรรคก้าวไกล จัดกิจกรรมชุมนุมให้กําลังใจนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หน.พรรคก้าวไกล ต่อกรณีการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 2

โดย นายสราวุธ ศรีวัง อดีต ผู้สมัคร สส.เขต 7 กล่าวปราศรัยโจมตีการทํางานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ,ประเด็นเรื่องการรวบรวม ปัญหาที่ดินทํากินในพื้นที่เพื่อเสนอต่อพรรคก้าวไกล รวมถึงประเด็นการทําหน้าที่ของ สว.ในรัฐสภาที่ถูก ออกแบบมาจาก รธน.60 จนส่งผลให้นายพิธา ไม่ได้เป็นนายกฯ นายจําลอง บุญชม อดีตผู้สมัคร สส.เขต 3 กล่าวถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลได้รับเลือกตั้งอันดับ 1 แต่ไม่ได้จัดตั้งรัฐบาลเนื่องจากกลไกทางการเมืองที่ถูกวาง ไว้ตั้งแต่การรัฐประหารปี 49 และ ปี 57 ซึ่งในปัจจุบันส่งผลให้กลุ่มทุนผูกขาดบริหารประเทศ นายพันธะสัญญา ประจํา แกนนํากลุ่มบ้านพัก ได้ปราศรัยถึงเหตุการณ์ที่ สว. ลงมติไม่เห็นด้วยในการโหวตเลือกนายกฯ และ กรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับเรื่อง ที่ กกต.ร้องคุณสมบัติของนายพิธา โดยเรียกร้องให้มวลชนร่วมกันต่อสู้ต่อไป ยุติกิจกรรม แยกย้ายเดินทางกลับ

ที่ จว.อุดรธานี  เวลา 17.00 – 18.45 น.ที่บริเวณสวนสาธารณะหนองประจักษ์( ฝั่งสะพานปลา)อ. เมือง จว.อุดรธานี แนวร่วมพรรคก้าวไกลอุดรธานี นําโดยนายนวพล กัลยา นายประจวบ โอภากุล แกนนําแนวร่วมพรรคก้าวไกลอุดรธานี พร้อมมวลชนประมาณ 15คน ได้จัดกิจกรรมปราศรัยเพื่อให้กําลังใจ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หน.พรรคก้าวไกลต่อกรณีการลงมติเลือกนายกฯ รูปแบบการจัดกิจกรรม ได้มีการทําแผ่นป้ายโหวต ลงความเห็น “คุณพร้อมจะลงถนนหรือไม่หาก สว.ไม่เคารพเสียงของประชาชน” โดยให้มวลชนและ ประชาชนที่เดินผ่านและออกกําลังกายที่บริเวณหนองประจักร ได้ติดแปะสติ๊กเกอร์ความเห็นลงในแผ่นป้าย โหวต ซื่อ ส่วนใหญ่ผู้ที่ติดแปะสติ๊กเกอร์ จะติดแปะลงช่อง “พร้อมลง” แต่ส่วนผู้ที่ติดแปะแผ่นป้ายโหวต เป็นบุ คลที่เข้าร่วมกิจกรรม ยุติกิจกรรม แยกย้ายเดินทางกลับ

ขณะเดียวกัน เวลา 16.55 น. ที่สะพานลอย ตลาดยูดีทาว-คอนโดลุมพินี นายเอเชียร รัฐหาวิรุฬห์กร แกน นํากลุ่มอุดรพอกันที พร้อมด้วย น.ส.สิริวจี ทรัพย์สมาน ได้ร่วมกันแขวนป้ายผ้าข้อความศาลที่เคารพ ทําตัวน่าเคารพด่วน !! Respect My Vote

ที่ จว.สกลนคร  เวลา 14.00 – 16.30 น.ที่บริเวณริมถนน หน้าป้ายที่ว่าการอําเภอสว่างแดนดิน จว.สกลนครกลุ่มผู้สมนับสนุนพรรคก้าวไกล จ.สกลนคร จํานวน 3 คน นําโดย นายกรกิจ โพธิ์นำเที่ยง จัดกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เพื่อเชิญชวนให้ ประชาชนที่สนับสนุนพรรคก้าวไกล ออกมาแสดงพลังให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯและเรียกร้องให้ สว. เคารพเสียงของประชาชนในการโหวตเลือกนายกฯ ได้นําป้ายผ้าที่มีข้อความ “ทําตามมติของประชาชน”เลือกตั้งทําไมเปลืองงบ”ประเทศ ไทยมาไกลได้แค่นี้”ผูกแสดงไว้ที่ป้ายหน้าที่ว่าการอําเภอสว่างแดนดิน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร แล้วโพสต์ ภาพไลฟ์สด ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมดังกล่าวไม่ได้รับความสนใจจากประชาชนในพื้นที่เท่าที่ควร

ที่ จว.อุบลราชธานี  เวลา 18.00 – 19.30 น.ที่บริเวณลานด้านข้างศาลหลักเมืองอุบลราชธานี ถ.ศรีณรงค์ ต.ในเมือง อ.เมืองฯ คณะอุบลปลดแอก ประมาณ 70 คน นําโดย นายวิศรุต สวัสดิ์วร อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต1 พรรคก้าวไกล จว.อุบลฯแกนนําคณะอุบลปลดแอก ร่วมกันจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ โดยมีสาระสําคัญ ดังนี้ แกนนําเชิญชวนให้ ผู้ร่วมกิจกรรมสลับสับเปลี่ยนกันปราศรัยกล่าวโจมตีรัฐบาล กกต.และ สว. ผ่านเครื่องขยายเสียงขนาดเล็กนายกิตติพล ไทยงามศิลป์ แกนนําคณะอุบลปลดแอก,ผู้ต้องหาคดี ม.112 จากการโพสต์ภาพชูป้ายในกิจกรรมคาร์ม็อบ เมื่อ 15 ส.ค.64 กล่าวปราศรัยโจมตี กระบวนการพิจารณาของ ศาลรัฐธรรมนูญว่าเป็นเครื่องมือในการสกัดกั้นฝ่ายประชาธิปไตย และการใช้สถาบันฯ มาแอบอ้างเพื่อโจมตี สกัดกั้นการลงมติให้นายพิธาฯ เป็นนายกฯโจมตีกลุ่มอํานาจเผด็จการศักดินา กลุ่มทุนที่มีความพยายามใช้ อํานาจมืด มาหยุดการพัฒนาของประชาธิปไตย นายวิศรุตฯ กล่าวปราศรัยโจมตี สว. และ กกต. ที่ใช้อํานาจ โดยไม่เคารพสิทธิของประชาชน เปรียบเสมือนการยึดอํานาจทางการเมืองเงียบ (นิติสงคราม) โดยกลุ่มผู้สืบ ทอดอํานาจเดิม,กรณีตัดสินการถือหุ้นสื่อ ITV เป็นการกลั่นแกล้ง ชนชั้นปกครองได้ทําให้เห็นว่าได้ใช้อํานาจที่มีอยู่ดูแคลนดูถูกประชาชน จากนั้นเชิญชวนให้ผู้ร่วมกิจกรรมเปิดแฟลชโทรศัพท์เพื่อแสดงพลังพร้อมกล่าวคําว่า “สว. หัวควย” “กกต.หัวค.ย” อย่างละ 3 จบ นายพงศธร กันทวง แกนนํากลุ่มคบเพลิง,นศ.ชั้นปีที่ 2 ม.อุบลราชธานี กล่าวโจมตีการใช้อํานาจของ สว. ที่ไม่รับฟังเสียงของประชาชน โจมตี กกต. ในการส่งข้อมูล การถือหุ้นสื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคําสั่งให้นายพิธาฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ซึ่งมีความไม่ชอบธรรม กระบวนการยุติธรรมไม่เที่ยงตรง ไม่เคารพสิทธิเสรีภาพของประชาชน ร่วมกันทําพิธีเผาพริกเผาเกลือสาปแช่ง รัฐบาล กกต. และ สว. จากนั้นแกนนําๆ กล่าวคําว่า “ศักดินา จงพินาศประชาราษฎร์ จงเจริญ” 3 จบ ยุติ กิจกรรม ต่างแยกย้ายกันเดินทางกลับ

ที่ จว.เชียงราย : เวลา 18.00 – 18.47 น.ที่บริเวณ อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายฯ (ห้าแยกพ่อขุนเม็งราย ฯ) เขตเทศบาลนครเชียงราย ต.เวียง อ.เมืองเชียงราย จว.เชียงรายกลุ่มราษฎรเชียงราย จํานวน 6 คน นําโดย นายสราวุทธิ์ กุลมธุรพจน์, น.ส.ศศิประภา กุลมธุรพจน์, น.ส.พิมพ์วิภา ปัญญาวิชา, น.ส.กาญจนา วรรณรัตน์, นายอาคม แลเฉอะ และนายวินัย วงค์ชัย จัดกิจกรรมการชุมนุมสาธารณะ เพื่อเป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์คัดค้าน,ไม่เห็นด้วย ต่อกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคําส้่งให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หน.พรรคก้าวไกล หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ภายหลังศาล รธน. รับคําร้องคดีถือห้นุ ITV รูปแบบกิจกรรม เป็นการจัดกิจกรรมในรูปแบบคาร์ม็อบ โดยใช้ยานพาหนะประเภทรถยนต์ และรถมอเตอร์โซด์เคลื่อนขบวนคาร์ม็อบ จากบริเวณอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายฯ (ห้าแยกพ่อขุนเม็งรายฯ) เขตเทศบาลนครเชียงราย ต.เวียง อ.เมืองเชียงรายฯ ซึ่งได้มีการแสดงเชิงสัญลักษณ์ อาทิ บีบแตรรถยนต์,รถ มอเตอร์ไซด์, ชู 3 นิ้ว และการเร่งเครื่องยนต์ให้เกิดเสียงดัง ไปตามเส้นทางที่ขบวนคาร์ม็อบผ่าน ไปจนถึง บริเวณด้านหน้าศาลกลางจังหวัด เชียงราย อ.เมืองเชียงรายฯ ณ จุดดังกล่าวได้มีการจัดเตรียมป้ายไวนิลที่มีข้อความว่า “ Respect My vote เคารพผลเลือกตั้งฟังเสียงประชาชน” แขวนไว้เป็นพื้นหลัง และทํากิจกรรมเขียนข้อความบอกความรู้สึก, การกล่าว ปราศรัยผ่านโทรโข่ง โดยมีเนื้อหาสาระ อาทิ ศาลรัฐธรรมนูญมีคําสั่งให้ นายพิธา หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส., กล่าวถึงผลการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ส.ส. แต่ไม่สามารถเลือกนายกฯได้ เป็นต้น ห้วงท้ายได้มีการถ่ายภาพร่วมกันกับผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมฯ พร้อมชู 3 นิ้ว พร้อมกับเปล่งเสียงคําว่า เผด็จการจง พินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ จํานวน 3 ครั้ง

ทั้งนี้ ตรวจพบนางสุรีรัตน์ บุญบัวทอง อดีตแกนนํากลุ่มแม่ลาวรัก ประชาธิปไตย,หน.คณะทํางานกลุ่ม New Gen Chiangrai – เครือข่ายคนรุ่นใหม่ เชียงราย,อดีตแกนนํา นปช. เชียงราย และนายสราวุฒิ หอมสมบัติ อดีตผู้สมัคร ส.อบจ.เชียงราย ในนามคณะก้าวหน้า,อดีตทีมงานพรรค ก้าวไกล จ.เชียงราย เข้าร่วมกิจกรรมฯ มีมวลชนเข้าร่วมกิจกรรม ประมาณ 70 คน (รถยนต์ จํานวน 10 คัน และ จยย. จํานวน 15 คัน) ยุติกิจกรรม แยกย้ายเดินทางกลับ

ส่วนที่ จว.ลําปาง เวลา 17.45 – 19.10 น.ที่บริเวณสวนสาธารณะห้าแยกหอนาฬิกา ต.สวนดอก อ.เมืองลําปาง จ.ลําปาง กลุ่มพิราบขาวเพื่อมวลชน ประมาณ 50 คน นําโดย น.ส.ธันพร แก้วสุติน และ รศ.ดร.ภิญญา พันธ์ พจนลาวัลย์ อาจารย์ประจําคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลําปาง จัดกิจกรรมแสดงพลังประชาชน รูปแบบกิจกรรมเป็น การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์โดยการชูป้าย, การกล่าวแสดงความคิดเห็นของแกนนํา และสมาชิกกลุ่มฯ พร้อมกับการจุดเทียน และเปิด ไฟฉายโทรศัพท์มือถือ แสดงสัญลักษณ์ มีบุคคลสําคัญที่เข้าร่วมกิจกรรม อาทิ น.ส.ธันพร แก้วสุติน แกนนํา กลุ่มพิราบขาวเพื่อมวลชน, นายชวนิน เศวตนันท์ สมาชิกกลุ่มฯ, นายภาคภูมิ พิสุทธิวงศ์ สมาชิกกลุ่มฯ, รศ.ดร. ภิญญาพันธ์ พจนลาวัลย์ อาจารย์ประจําคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลําปาง, นายพันธ์อรรถ ตันศิริ เจริญกุล หัวหน้าคณะก้าวหน้าลําปาง,คณะทํางานพรรคก้าวไกลลําปาง, นางทิพพ์จุฑา พรธนาพิพัฒน์ ผู้ประสานงานคณะก้าวหน้าลําปาง,คณะทํางานพรรคก้าวไกลลําปาง, น.ส.ยุพดี กูลกิจตานนท์ นายทะเบียนคณะ ก้าวหน้าลําปาง,คณะทํางานพรรคก้าวไกลลําปาง, พ.อ.อ.ธงชัย บุญสูงเพชร อดีต นปช.ลําปาง, นางบุญศรี จันทร์แก้ว อดีต นปช.ลําปาง และนายวีระ สมความคิด เครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) จา กการตรวจสอบ,สังเกตการณ์ กิจกรรมดังกล่าว ไม่มีประชาชนทั่วไปเข้าร่วมกิจกรรม และไม่ได้รับความสนใจจากผู้ที่สัญจรผ่านไปมาแต่อย่างใด ยุติกิจกรรม แยกย้ายเดินทางกลับ

ที่ จว.เชียงใหม่ เวลา 18.30 – 20.00 น.บริเวณประตูท่าแพ กลุ่มพลเมืองเสมอกันและเครือข่าย นศ.มช. นําโดย น.ส.ธีราภรณ์ พุดทะสี จัดกิจกรรมเรียกร้องให้ สว. ฟังเสียงประชาชน สนับสนุนนายพิธาฯ เป็นนายกรัฐมนตรี รูปแบบกิจกรรม เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ด้วยการจัดกิจกรรมแจกริบบิ้นสีส้ม ติดป้ายและแสดงป้ายข้อความเรียกร้องให้ สว. อย่าพ่นชัยชนะของประชาชน,ปิดสวิตช์สว.,สว. ต้องฟังเสียงประชาชน และแจกริบบิ้นสีส้ม และมีการเปิดเวที ปราศรัยขนาดเล็กในประเด็นไม่เห็นด้วยกับการที่ นายพิธาฯ ถูกปล้นประชาธิปไตยและ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคก้าวไกล เนื่องจากถูกศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 สั่งให้ นายพิธา ลิ้ม เจริญรัตน์สนั้สุดลงตามรัฐธรรมนูญในคดีหุ้นส่อื ITVยุติกจิกรรมมวลชน80คน

ที่ จว.ตาก เวลา 17.30 – 18.30 น.ที่บริเวณวงเวียนสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช อ.แม่สอด จ.ตาก กลุ่มแม่สอดต้านเผด็จการ และสื่อสังคมออนไลน์ ตรวจสอบพบกลุ่มแม่สอดต้านเผด็จการมีการจัดกิจกรรมชูป้าย จํานวน 7 คน โดยมี นายเงินตรา ทั้งเกสร อดีตผู้สมัคร ส.ส.ตาก เขต 2 เบอร์ 3 พรรคอนาคตใหม่ และน.ส.จิรารัตน์ มูลศิริ หรือ ทนายเอ๊ะ เป็นแกนนํา ได้จัดกิจกรรมชูป้ายข้อความ ในเพจ เฟสบุ๊คของ ” แม่สอดต้านเผด็จการ” ยังมีการโพสต์ข้อความว่า คืนความปกติของระบอบประชาธิปไตย เคารพเสียงประชาชน!! แม่สอดต้านเผด็จการรวมตัวกัน เฉพาะกิจหลังจากส.ว.และศาลพระภูมิที่เป็นมรดกของคสช.แสดงอภินิหาญสืบเนื่องมาจากวันที่15กรกฎาคม 2566 การประชุมผู้แทนราษฎร ได้มี สมาชิกวุฒิสภา หรือ สว. ที่ไม่ได้มาจากประชาชน ใช้สิทธิออกเสียงโดยไม่ชอบธรรมผิดกับหลักประชาธิปไตย

วันนี้ 19 กรกฎาคม 2566 ตัวแทนประชาชนแม่สอด ร่วมแสดงความคิดเห็น ต่อต้านการใช้ดุลยพินิจที่คณะกรรมการเลือกตั้งส่งประเด็นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติของผู้แทนกรณี นายพิธา ถือหุ้นสื่อไอทีวี กลุ่มยุติการจัดกิจกรรม

ที่จว.สงขลา  เวลา 10.30 – 10.45 น.ที่ศูนย์ดํารงธรรมจังหวัดสงขลา ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดสงขลา (หลังเก่า) อ.เมืองสงขลาฯ นายวรณัฎฐ์ หนูรอต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และนางสาวดุษฎี พฤกษเศรษฐ หัวหน้าสํานักงานจังหวัดสงขลา ได้มอบหมาย นายรุ่งโรจน์ และสุบ ผู้อํานวยการกลุ่มงานศูนย์ดํารงธรรมจังหวัด รับหนังสือจาก นายกิตติภพ สุทธสิว่าง ประธานกลุ่มรักควนหมากกับพวกรวม2คนในการเสนอรายชื่อตัวแทนกลุ่มฯในการ เข้าร่วมเป็นคณะทํางานในการแก้ไขปัญหา สําหรับการยื่นหนังสือข้างต้น เป็นไปตามแนวทางที่ท่านผู้ว่าราชการ จังหวัดสงขลาได้กําหนดให้มีการแต่งตั้งคณะทํางานในการแก้ไขปัญหาการออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินบ้านควนหมาก หมู่ที่ 3 ตําบลวังใหญ่ อําเภอเทพา โดยให้มีตัวแทนของพี่น้องประชาชนร่วมเป็น คณะทํางานกับส่วนราชการ ต่าง ๆ เพื่อให้การดําเนินการออกเอกสารสิทธิ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งนี้ ศูนย์ดํารงธรรมจังหวัดสงขลาจะได้ ดําเนินการตามอํานาจหน้าที่เพื่อให้การแก้ไขปัญหาข้างต้นเป็นไปด้วยความเรียบรอ้ยต่อไป

กทม. เวลา 16.20 – 16.40 น.ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 1111 ภายในสํานักงาน ก.พ. เครือข่ายราชภักดี จํานวน 30 คน นําโดย นายพชร พูลเจริญภักดี ผู้อํานวยการหนังสือพิมพ์คนค้น ธรรม ประธานเครือข่ายราชภักดี เข้ายื่นหนังสือถึงนายกฯผ่าน นายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายสาธิต สุทธิเสริม ผอ.ส่วนประสานมวลชน

และองค์กรประชาชน ,นายฉลองกรุง ภคกุล หัวหน้าฝ่ายประสานมวลชน รับเรื่องไว้เพื่อดําเนินการเรื่อง การผลิตและเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ กระทบความมั่นคงของประเทศ ข้าพเจ้านายพชร พูลเจริญภักดี ผู้อํานวยการหนังสือพิมพ์คนค้นธรรม ในฐานะประธานเครือข่ายราชภักดี ขอเรียนดังนี้ (1) ด้วยปรากฏว่ามีการผลิตและเผยแพร่ แชร์ข่าวเท็จเฟคนิวส์ ลอกเลียน ดัดแปลง เลียนแบบ คลิป เสียงขัตติยะนารี เผยแพร่ทั่วไปขณะนี้ และ (2) การกระทําดังกล่าวเป็นการผลิต เผยแพร่ ข่าวปลอม ทําให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง จึงเรียนมาเพื่อขอให้ดําเนินการตามกฎหมาย ดําเนินคดี จนกว่าคดีจะถึงที่สุด เสร็จแล้วเดินทางกลับ

สำหรับในพื้นที่ กทม  เวลา 06.00 – 18.45 น.ที่รัฐสภา กลุ่มผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล โดยมีวัตถุประสงค์ ชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้ สว. เคารพเสียงของประชาชน โดยการโหวตเลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หน.พรรคก้าวไกล ให้เป็นนายกรัฐมนตรี ในพื้น ที่บริเวณใกล้เคียงรัฐสภา มีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนได้จัดวางกําลังดูแลความเรียบร้อย พบมวลชนกลุ่มเห็นต่างพักแรมนอนค้าง

แรมเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา มวลชนที่มาให้กําลังใจ ปักหลักค้างคืน ตื่นนอนทําภารกิจส่วนตัวประกอบอาหารเช้า อยู่บริเวณด้านในศูนย์ราชการเกียกกาย นางนภัสร บุญรีย์ ได้นําป้ายข้อเขียนข้อความว่า สว.สส.กกต.อย่าทําร้ายความรู้สึกเสียงของประชาชนเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ภายในศูนย์ ราชการ ตรงข้ามรัฐสภา ระหว่างการประชุมรัฐสภา ภายหลังศาล รัฐธรรมนูญรับคําร้องกรณี นายพิธา ถือหุ้นสื่อไอทีวี โดย มีคําสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ทําให้มวลชนที่เฝ้าติดตาม การประชุมสภาเพื่อพิจารณาการโหวตนายกรัฐมนตรี อยู่ในพื้นที่รอบรัฐสภา แห่กรูกันมาเกาะประตูรั้วและ เขย่าประตู พร้อมตะโกนแสดงความไม่พอใจบริเวณหน้ารั้วรัฐสภานั้น

ทั้งนี้ ที่หน้ารัฐสภา ผู้ชุมนุมกลุ่มทะลุวัง, กลุ่ม14ขุนพลบุคคลที่จุดพลุบริเวณหน้ารัฐสภา น.ส.วชริญา วชริะอังกูร นายสทิธิชัย ปราศรัยนายจิรภา สกอรัมย์ น.ส.แทนฤทัย แท่นรัตน์ นางเงินตา คําแสน นายสมชาย คํานะ ได้นําจุดพลุแฟร์สีส้ม ควันสีมาจุดบริเวณ ด้านหน้าประตูสองทางเข้ารัฐสภาและมีการชูป้าย สว.ควรฟังเสียงประชาชน,เรารักก้าวไกลพร้อมโปรยกระดาษ ยื่นใบลาออกให้ ส.ว.โดยเจ้าหน้าที่ตํารวจประกาศขอความร่วมมือไม่ใช้พลุแฟร์ เพราะอาจส่งผลกระทบต่อ สุขภาพผู้ชุมนุมคนอื่น ขอให้ชุมนุมโดยสงบ โดย น.ส.แทนฤทัย แท่นรัตน์ กลุ่มมวลชนยังคงยืนชูป้ายข้อความยืนตะโกนด่า สว.อยู่บริเวณด้านหน้า ประตูฝั่ง ส.ส. อย่างต่อเนื่อง

 ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตํารวจได้ประกาศให้มวลชนออกจากพื้นที่ ขณะที่ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุลทีปรึกษารองประธานสภาผู้แทนราษฎร ขับรถเข้ามาที่หน้าอาคารรัฐสภา พร้อมลงไปเจรจาต่อรองขอให้เปิดประตูเพื่อเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ยินยอม รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เข้าพูดคุยกับตํารวจ โดยขอให้ถอยกําลังกลับไปยังที่ตั้ง เพราะการตรึงกําลังเผชิญหน้าทําให้เกิดความตึงเครียด และเสี่ยงเผชิญหน้ามากขึ้น โดยรับปากจะไปคุยกับผู้ ชุมนุมให้เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบของกฎหมายมั่นใจว่าจะไม่บุกรุกเข้ามาในพื้นที่ของรัฐสภา และหลังจากนั้นได้กลับเข้าไปภายในอาคารรัฐสภาต่อมา ผู้บริหารบริษัท Eve’s ได้สวมชุดสีส้ม เข้ามาในพื้นที่ พร้อมกับป้ายข้อความ อาทิ อีก 4 ปีเจอกัน , พวกเราจะจดจําวันนี้ ไม่มีวันลืม

 จากนั้น ได้กล่าวว่า หากผลการเลือกตั้งออกมาแล้ว แต่ไม่สามารถเป็นไปตามที่ประชาชนต้องการได้จะมีการเลือกตั้งไว้ทําไมด้วยเหตุนี้ ตนจะจดจําสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้และขอให้จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าการ กระทําที่เกิดขึ้น เป็นการกระทําที่เลวร้ายสําหรับประชาชนและแม้จะมีการยุบพรรคก้าวไกลก็ตามแต่พรรคก้าว ไกลยังคงเป็นเสียงของประชาชน ฯลฯ

ทั้งนี้ นายอานนท์ นําภา โพสต์ข้อความโดยระบุว่า กลุ่มฟันเฟือง ประชาธิปไตย อาชีวะปกป้องประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย ได้ประกาศรวมพลมาที่หน้ารัฐสภา”บุคคลที่พบในพื้นที่ อาทิ นาง นภัสสร บุญรีย์, นางบังอร แซ่เลียง,นางวรวรรณ แซ่อั้ง,นายกีรติ สโมรินทร์,นายโชคดี ร่มพฤกษ์,นายสามารถ ปุยปัญจะ,นางสาคร คําแถลง,นางเงินตา คําแสน,นางพรนิภา งามบาง,นายทวี ไกรคุปต์,นางรําพึง เมืองหริ่ง,นาย อัครพล เงินเนย,นายพนัส พลายบัว,น.ส.วรัณยา แซ่ง้อ, นางจิตติมา หัตถกรรม,นาง เจิมบุญ พ่วงพรม,นาย อนุภาพ คงปาน,นาง เสาวนีย์ สมพิชัย,นาย จรูญ วิริยะนิตย์ ,นาย อัจฉรา แสงแก้วนพคุณ,นาย สมชาย ยอดจันทร์,นาย พรชัย ประทีปเทียนทอง,นาง วรรณา บุตรคาน,นาย วรวิทย์ นุ่มสําลี,น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์,น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ ,นายนภสินธุ์ ตรีรยาภิวัฒน์,นาย สมชาย คํานะ,นาย จิรภาส กอรัมย์,นาย สิทธิชัย ปราศรัย,น.ส.แทนฤทัย แท่นรัตน์ สื่อออนไลน์ นายศราวุธ ผลลาภ , สื่อช่อง มานีมาซุน,นาง มณีจันทร์ ภักดีวิเศษ ,สื่อช่อง ninja News,นายสุรเมธ น้อยอุบล , สื่อช่อง friend Talk,นาย สามารถ ปุยปัญจะ ,สื่อช่อง สามารถพาทัวร์,นายเชน ชีวอบัญชา ,สื่อช่อง ขุนแผนอสนสะท้าน

ต่อมาเวลา 14.59 น.ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุม และเครือข่าย กลุ่มเห็นต่างจัดกิจกรรมร่วมกันใส่ชุดดําเพื่อฌาปนกจิ สมาชิวุฒิสภา อันเนื่องมาจากการไม่เคารพ ฉันทามติ ของประชาชน จึงทําให้ราษฎรผู้เป็นเจ้าของอํานาจอธิปไตย ไม่ทนต่อการใช้อํานาจโดยมิชอบของ ผู้ดํารงตําแหน่งสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มจัดกิจกรรม แจ้งว่าตั้งเวทีบริเวณกลางอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย บนพื้นฟุตบาท แม่ค้าจับจองพื้นที่ขายของกันหมด คาดว่ามวลชนจะใช้พื้นถนนในการชุมนุม เวทีตั้งบนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย หันหน้าเวทีไปฝั่งถนนราชดําเนิน ไปทางแยกคอกวัว นายธัชพงศ์ หรือชาติชาย  เริ่มปราศรัย เชิญชวนมวลชน บริเวณหน้าร้านแมค รถปราศรัย 6 ล้อ ตู้ทึบ

กล่าวโจมตีสมาชิกวุฒิสภา ว่ามาจากรัฐโจร แต่งตั้งด้วยรัฐบาลโจร ไม่เห็นแก่ประชาชนที่เลือก ที่ได้คะแนนเสียงข้างมากเลย มิหนําซ้ํายังมี กกต.ที่ยัง ขัดขวางทําทุกทางเพื่อไม่ให้ นายพิธาฯได้ดํารงตําแหน่งนายกรัฐมนตรี ตลอดจนศาลรัฐธรรมนูญที่ให้นายพิธาฯยุติการปฏิบัติหน้าที่ในสภา รวมถึง การยั่วยุจากเจ้าหน้าที่ตํารวจที่ดูแลความเรียบร้อยอยู่หน้ารัฐสภาด้วยและ ขอให้มวลชนที่อยู่บริเวณนี้ได้ทำตามกติกาให้ฟังคนที่อยู่บนรถเครื่องเสียงเป็นหลัก ตราบใดที่เรายังมีความหวังอยู่ เราก็จะสู้ต่อไป แม้วันนี้ กกต.และศาลรัฐธรรมนูญจะดับความหวังเราก็ ไม่เป็นไร และในวันนี้พวกเราจะออกมาเผาศพ สว.และศาลรัฐธรรมนูญด้วยกัน รวมทั้งอาจจะมีเซอร์ไพรส์ด้วย

น.ส.ธนพร วิจันทร์ ปราศรัย กล่าวถึงการต่อสู้ของกลุ่มฯ โดยวันนี้อาจจะผิดหวังและขอให้พี่น้องที่ไม่ ยอมรับอํานาจเผด็จการออกมาร่วมทํากิจกรรมด้วยกัน และวันนี้ทําให้ เห็นแล้วว่าอํานาจเผด็จการกลัวพรรคก้าวไกลที่จะเข้ามาบริหารประเทศ หากการเมืองยังมีอํานาจเผด็จการอยู่ พวกเราจะไม่มีทางได้ประชาธิปไตยกลับคืนมา ทุกวันนี้คนที่ทําลายประเทศก็คือพวกสมาชิกวุฒิสภาและพรรคปรสิตต่างๆ ขอให้มวลชนไม่ใช้ความรุนแรง ในการชุมนุม ประชาชนต้องการ คนที่เขาเลือกไปบริหารประเทศแต่ตอนนี้เห็นแล้วว่าเป็นยังไงและพวกเราจะยกธงสู้ไม่ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพื่อต่อให้คนรุ่นหลังได้อยู่อย่างมีความสุขและต้องร่วมกันจัดการพวกปรสิตทั้งหลายให้หมดสิ้นและต้องกําจัดสามอํานาจนี้ออกไปให้ได้นั่นก็คือสมาชิกวุฒิสภา 250 คน กกต. ตลอดจนศาลรัฐธรรมนูญ มวลชนได้เคลื่อนย้ายไปฝั่งอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

นายธีรัตม์ พณิชอุดมพัชร์ (แชมป์ ครช.)ปราศรัยโจมตีเจ้าหน้าที่ตํารวจที่ปฎิบัติงาน ตลอดจนกล่าว โจมตีสมาชิกวุฒิสภาที่ออกมาว่าจะฟ้องทุกคนที่แสดงความคิดเห็นในทางไม่ดี โดยกล่าวว่าสมาชิกวุฒิสภาเหล่านี้ก็ยังดํารงตําแหน่งอีกแค่เพียง 10 เดือนเท่านั้น ขอให้พี่น้องประชาชนรอถึงเวลานั้นมันก็คือหมาตังนึงเท่านั้นโดยส.ว.เหล่านี้ชอบกล่าวอ้างและยกกฎหมายมาตรา112 มาเพื่อเป็นข้อขัดแย้งเพื่อไม่ให้พรรคก้าวไกลและนายพิธาฯไม่สามารถเข้ามาบริหารประเทศได้

นายธัชพงศ์ กล่าวขอมติจากประชาชนว่าจะใช้เวทีบนฐานอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อกล่าว

โจมตี สว. เปรียบเสมือนตัวเหี้ย พร้อมกล่าวขอบคุณทีมงานการ์ด Vivo การ์ด Demo เเละกลุ่มทะลุแก๊ส ขณะที่น.ส.ธนพร ยังคงกล่าวโจมตี สว. ไม่โหวตให้ออกไป ได้อับเดตเหตุการณ์ในสภาเวลานี้ โดยที่ประชุมรัฐสภามี มติเห็นด้วย 394เสียงว่าการเสนอชื่อ นายพิธา ซ้ำเป็นครั้งที่2ถือว่าเป็น การเสนอญัตติซ้ำตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภาข้อ 41 ทําให้ไม่สามารถ เสนอชื่อนายพิธา โหวตนายกฯ รอบ 2 ได้ โดยเมื่อ 63 ได้เกิดเหตุการณ์ที่คนหนุ่มสาวถูกเจ้าหน้าที่ตํารวจจับกุมและยัดกฎหมายมาตรา 112 ให้กับบุคคลเหล่านั้น จนถึงตอนนี้ก็ยังมีการ กลั่นแกล้งมาโดยตลอด และที่สําคัญวันนี้นายพิธาฯหัวหน้าพรรคก้าวไกลและคาดิเดทนายกฯก็ไม่สามารถดํารง ตําแหน่งนายกรัฐมนตรีได้เพราะถูกอํานาจเผด็จการสกัดกั้นทุกทาง จนทําให้พี่น้องมวลชนที่ไม่เห็นด้วยกับทาง สมาชิกวุฒิสภาและศาลรัฐธรรมนูญออกมาแสดงจุดยืนเพื่อยืนยันว่าไม่ยอมรับเหตุการณ์แบบนี้ได้เพราะพรรค ก้าวไกลได้คคะแนนเสียงจากประชาชนตั้ง14 ล้านเสียง

นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ปราศรัย กล่าวถึงสมาชิกวุฒิสภาที่คัดค้านและไม่เห็นชอบ โดยยกข้ออ้าง เรื่อง มาตรา112โดยกล่าวยกย่องพรรคก้าวไกลี่กล้าเอากฎหมายมาตรา

112 นี้เข้ามาเพื่อแก้ไขในดียิ่งขึ้น แต่ก็ไม่ ประสบผลสําเร็จ รวมถึงการ วินิจฉัยมีมติให้ นายพิธา ยุติหน้าที่เนื่องจากกรณีการถือหุ้นสื่อ เราไม่สามารถหาข้อที่ดีได้เลยจากประเทศไทย ตลอดจนการถกเถียงกันในรัฐสภาในเรื่องญัตติ การชุมนุม ในครั้งนี้พวกเราออกมาเพื่อปกป้องประชาธิปไตยเพื่อให้ประชาธิปไตยอยู่ในมือของเรากล่าวโจมตีสมาชิกวุฒิสภาว่ามีการกินเงินเดือนสองตําแหน่ง แต่พอถึงเวลาการโหวตไม่เห็นหัวใครเลยที่อยู่ข้างประชาชน และขอให้สมาชิกวุฒิสภาที่ดํารงตําแหน่งอยู่ได้กลับ ตัวมายืนข้างประชาชนเพื่อที่จะให้ประเทศเดินไปข้างหน้า และขอให้การต่อสู้ตั้งแต่วันนี้ขอให้เป็นเรื่องของ ประชาชน ที่จะจัดการกับระบบทรราชที่มองไม่เห็น ไม่ว่าจะเป็นปี 2553 ตลอดจนถึงปัจจุบัน และหลังจากนี้ทุก จังหวัดจะลุกขึ้นต่อสู้เพื่อนําประชาธิปไตยสิทธิเสรีภาพกลับมาสู่พี่น้องประชาชนให้ได้นายรัฐภูมิ เลิศไพจิตร ปราศรัย กล่าวถึงการเมืองในประเทศไทยว่ามีทั้งขึ้นและลงปะปนกันไป โดยปัจจุบันความเป็นประชาธิปไตยของไทย ลดต่ำลงทุกวัน และเรียกร้องต่อสมาชิกวุฒิสภาให้ฟังเสียงประชาชน ส่วนใหญ่เป็นหลักเพราะอํานาจอธิปไตยที่แท้จริงมันเป็นของประชาชน ชัดเจนว่าพรรคก้าวไกลได้รับคะแนนเสียงการเลือกตั้งในครั้งนี้ 14ล้านเสียง ซึ่งเป็นเสียงส่วนใหญ่สามารถ จะจัดตั้งเป็นรัฐบาลได้แต่โดนกลั่นแกล้งทุกทางจากอํานาจต่างๆเพราะฉะนั้นทุกคนควรให้กําลังใจใน8พรรคที่ ร่วมจัดตั้งรัฐบาล และเรียกร้องให้สมาชิกวุฒิสภาทําตามเจตนารมย์ของประชาชน ที่ได้ไว้วางใจพรรคก้าวไกล ตลอดจนถึงแปดพรรคร่วม ด้วยยิ่งชีพ

นายอัชฌานนท์ (เป๋า ไอลอว์) ปราศรัย กล่าวถึงหัวหน้าศาลรัฐธรรมนูญที่ได้ลงความเห็นในการ ตัดสินกรณีเรื่องหุ้นของนายพิธาฯ ว่า ทุกอย่างที่ตัดสินในวันนี้มันเป็นคําสั่งของผู้มีอํานาจอยู่แล้ว ตลอดจน กกต.ที่ตัดสินให้นายพิธาฯขาดคุณสมบัติการเป็น สส. หากจะใช้อํานาจดุลยพินิจในการตัดสินก็ควรตัดสินตั้งแต่เมื่อ 4 ปีที่แล้วและทุกสิ่งที่ทําไปก็รู้ดอียู่แล้วว่าผลมันจะออกมาเป็นอย่างไรโดยศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน ที่วินิจฉัยกรณีของนายพิธาฯในวันนี้ ก็มาจากการเลือกของสมาชิกวุฒิสภาชุดนี้ ซึ่งก็ทําให้รู้ได้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร และเห็นว่าการตัดสนิในคดหุ้น itvครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเสนอเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่30โดยเห็นว่าเป็นคน ละส่วนกัน ตลอดจนการเสนอการแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล และไม่ว่าพรรคใดที่จะเป็นรัฐบาลก็

สามารถเสนอการแก้ไขมาตรา112นี้ได้เหมือนกันเพราะฉะนั้น เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญ,สมาชิกวุฒิสภาไม่ใช่คนโง่ และเชื่อว่าการอภิปรายมาตรา112นี้จะเกิดขึ้นได้ในรัฐสภาอีกไม่ช้าก็เร็ว

นายจํานงค์ หนูพันธุ์ ปราศรัยกล่าวถึงคะแนนเสียงของพรรคก้าวไกลที่ได้มา14ล้านสียงนั้นเห็นได้ว่า เป็นคะแนนเสียงที่มาจากประชาชนและนายพิธาฯก็ควรได้เป็น นายกรัฐมนตรีคนที่30 แต่มาถูกการสกัดกั้นจากสมาชิกวุฒิสภาและศาลรัฐธรรมนูญ เพียงเพราะพรรคก้าวไกลมีนโยบายแก้ไขมาตรา 112 จนทํา ให้นายพิธาฯไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นมัน เกิดจากอํานาจเก่าองค์กรที่เกิดขึ้นกับอํานาจเผด็จการ ทําให้นายพิธาฯไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่เชื่อว่าหากอีก4ปีข้างหน้าประชาชนก็จะเทคะแนนเสียงให้กับพรรคก้าวไกลเยอะกว่านี้แน่นอน เพราะฉะนั้น ที่เราทุกคนทําวันนี้ก็เพื่อลูกหลานคนรุ่นหลังให้มี ชีวิตที่ดีขึ้นกว่าปัจจุบันนี้วันนี้ถือเป็นฤกษ์ดีมากที่พวกเราออกมาเป็นสักขีพยานว่าพรรคที่มีคะแนนเสียงข้างมาก ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เพียงเพราะน้ำมือของพวกอํานาจเผด็จการที่ยังมีอยู่ในการเมืองของไทย ฉะนั้นหาก เกิดความไม่ยุติธรรมพวกเราก็จะออกมาแสดง.ยืนที่จะสนับสนุนพรรคที่ได้คะแนนเสียงข้างมากเป็นรัฐบาลต่อไป และให้จับตาต่อไป ว่าพรรคเพื่อไทยจะทิ้งพรรคก้าวไกลหรือ ไม่หากพรรคเพื่อไทยไม่อยู่ข้างพรรคก้าวไกลอนาคต พรรคเพื่อไทยก็คงสูญพันธุ์เหมือนกันนายคชพัฒน์ ปราศรัยว่าถึงเวลารื้อฟื้นความจริงนี้มาใหม่อีกครั้งที่ผ่านมาผู้มีอํานาจ ทางการเมืองโกหกประชาชนมาโดยตลอดในทุกๆเรื่องโดยคิดว่าประชาชนไม่รู้เรื่องการเมือง และการบิดเบือนเรื่องต่างๆ และกีดกั้นนายพิธา ลิ้ม

เจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะกลัวว่าจะมาเปิดเผยความจริงของการเมืองไทยว่ามันโหดร้ายเพียงใด และอย่างไรก็ตามพวกเราทุกคนก็จะไม่ ยอมให้พวกอํานาจเผด็จการมากดขี่ข่มเหงเราได้ โดยในอดตี ที่ผ่านมาก็โดน ผู้มีอํานาจทางการเมืองกลั้นแกล้งประชาชนนักศึกษาที่ออกมาประท้วง ตลอดจนการใส่ร้ายให้กับคนเสื้อแดงว่าเป็นกลุ่มคนที่ออกมาเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์และจากเหตุการณ์นั้นจึงทําให้ คนเสื้อแดงเสียชีวิตไปหลายศพ

อย่างไรก็ตามพวกเราก็จะไม่ยอมให้พวกอํานาจเผด็จการมากดขี่พวกเราได้ และ ขอให้พวกเราร่วมลุกขึ้นมาต่อสู้กันอีกครั้งเพื่อให้ประเทศของเราเป็นประชาธิปไตยเพื่อให้ทุกคนอยู่อย่า งมี ความสุข เพราะพวกเราทุกคนเป็นเจ้าของประเทศ

นางศรีไพร นนทรีย์ ปราศรัย กล่าวถึงกลุ่มสหภาพแรงงานที่สังกัดอยู่โดยแรงงานเหล่านั้นรอคอย ให้นายพิธาฯและพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาลแต่แล้วก็ผิดหวัง เนื่องจากมี สมาชิกวุฒิสภาไม่ยอมสนับสนุนให้พิธาฯขึ้นเป็น นายกรัฐมนตรี และถ้าหากนายพิธาฯได้เป็นนายกรัฐมนตรี กลุ่มชนชั้นแรงงานก็จะลืมตาอ้าปากได้เสียที ที่ผ่านมาค่าจ้างแรงงานวันละ 350 บาท ไม่สามารถดํารงชีวิตได้ เพราะว่าของทุกสิ่งทุกอย่างแพงขึ้นตาม สิ่งหนึ่งที่กลุ่มฯต้องการก็คือเอา งบสถาบันกษัตริย์และงบของกองทัพลงมาช่วยคนรากหญ้า เพราะงบสถาบันกษัตริย์และกองทัพมีอยู่หลายหมื่นล้านทุกวันนี้เราจะเห็นได้ว่าอํานาจเด็ดขาดนี้อยู่กับสถาบันกษัตริย์เพียงที่เดียวเท่านั้นหากสถาบันกษัตริย์ลงมาแทรกแซงอํานาจบริหารต่างๆก็จะทําให้ประชาชนรากหญ้าแบบเราอยู่อย่างลําบากยิ่งขึ้นและขอให้ทุกคนออกมา ร่วมกันเพื่อที่จะให้อํานาจอธิปไตยกลับมาอยู่ในมือของประชาชนอีกครั้ง

ส่วนนายเอกสิทธิ์ แย้มสงวนศักดิ์ ปราศรัย กล่าวถึง สถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ว่าพวกฝ่ายเสียงข้างน้อย พยายามทําให้พรรคการเมืองเสียงข้างมากแตกแยกกัน เพื่อให้ฝั่งเสียงข้างน้อยขึ้น มาบริหารเเทน ดังนั้นพวกเราอย่าหลงเชื่อคําพูดของพวกเผด็จการ และเชื่อว่าพรรคการเมืองฝั่งประชาธิปไตยจะชนะอย่างแน่นอน โดยจะเห็นได้ว่าการเลือกตั้งครั้งล่าสุดว่าในกรุงเทพฯพรรคฝั่งประชาธิปไตยไม่ว่าจะสี แดงหรือส้มก็ได้รับการยอมรับจากประชาชนแล้ว และขอเรียกร้องให้ ประชาชนทุกคนออกมาแสดงจุดยืนอยู่ข้างฝั่งประชาธิปไตยเพื่อที่จะให้สิทธิเสรีทุกอย่างกลับมาอยู่กับประชาชน อีกครั้ง

ต่อมา ทนายอานนท์ นําภา ปราศรัย เมื่อสามปีที่แล้วพวกเราเคยร่วมต่อสู้ด้วยกันมา โดยเมื่อในปี 2516 ประชาชนเรือนแสน รวมตัวขับไล่ถนอม ประภาส ในปี 2553 คนเสื้อแดงก็เคยชุมนุมที่นี่มีคนตาสว่างขึ้นเยอะมาก และในปี 63 เป็นจุดเปลี่ยนทางการเมืองจากหน้ามือเป็นหลังมือจุดเริ่มต้นก็คือถนนราชดําเนินแห่งนี้ และจากเหตุการณ์ในปี63 ที่ผ่านมานั้นทําให้มีผู้แจ้งเกิดทางการเมืองในปี66 ที่ผ่านมายกตัวอย่างเช่น ชลธิชา แจ้งเร็ว โตโต้ ปิยะรัตน์ จงเทพ เป็นต้น หากวันนี้ไม่มีมวลชนออกมากดดันเป็นไปได้เยอะมากที่พรรคก้าวไกลจะโดนยุบพรรคฯ โดย สาระสําคัญที่อํานาจเผด็จการไม่ยอมให้พรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล ไม่ใช่อยู่ที่มาตรา 112 แต่อยู่ที่การที่พรรคก้าวไกลไป รื้อโครงสร้างของกระทรวงต่างๆอยู่ใต้พลเรือน และที่สําคัญเขากลัวคนที่ จะไปนั่งเก้าอี้กระทรวงศึกษาฯเพราะกลัวจะถูกแฉว่าวันที่ 6 ตุลา ใครฆ่ารัชกาลที่ 8 และอีกหลายๆคดีของคนเสื้อแดงที่ถูกฆ่า และเพื่อไทยต้องตั้ง หลักให้มั่นห้ามทรยศประชาชนอย่างเด็ดขาด หากว่าจะไปจับมือกับพรรค ประชาธิปัตย์ก็ให้นึกถึงหน้า นายอภิสิทธิ์ฯ ว่าเคยทําอะไรกับคนเสื้อแดงไว้และหากจะจับมือกับ 3 ป.ให้นึกถึงหน้าผู้ลี้ภัยทางการเมืองว่าจะอะไรกับ บุคคลเหล่านี้ไว้บ้างขอให้ประชาชนเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อที่จะลงถนนเดินไปทําเนียบรัฐบาลอีกครั้ง

นอกจากนี้ น.ส.ธนพร วิจันทร์ เเละนายธัชพงศ์ ประกาศให้เชิญชวนมวลชน ทั่วประเทศใส่ชุดดํา ตลอดทั้งเดือนจนถึง 31 กรกฎาคมนี้ เพื่อเป็นการไว้อาลัยแก่สมาชิกวุฒิสภาและศาลรัฐธรรมนูญ และนายธวัช พงศ์ แจ้งเชิญชวนมวลชน ทาง ม.เกษตรศาสตร์ จัดการชุมนุมเพื่อขับไล่ สว. วันที่ 21 ก.ค.66    นายสมบูรณ์ คําแหง ปราศรัย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ เกินความคาดหมายที่คิดไว้ แต่ไม่คิดว่าพวกสมาชิกวุฒิสภาจะหน้าด้าน ขนาดนี้และจะมีคนหน้าด้านเกิดขึ้อีกหรือไม่ต้องติดตามต่อไปในฐานะ ที่เป็นNGO ก็ต้องอยู่ข้างประชาชนและฝั่งประชาธิปไตย ส่วนตัวได้พูดคุย กับตัวแทนของพรรคก้าวไกลในการเสนอนโยบายบางเรื่องทางกลุ่มฯเรา ก็ไม่เห็นด้วยแต่ย่อมเป็นที่เข้าใจได้เพราะไม่สามารถเห็นด้งยกับนโยบาย

ทั้งหมดได้ โดยสาระสําคัญที่นายพิธาฯไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ก็เพราะการแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ทําให้สมาชิกวุฒิสภาออกมาคัดค้านในข้อนี้ โดย 3-4ปีที่ผ่านมาก็เห็นแล้วว่าประชาชนเป็นผู้ชนะ และถึงเวลาแล้วที่ พวกเราจะลงถนนเชื่อว่าหลังเวทีก็จะหารอืกันอีกทีว่าพร้อมที่จะต่อสู้อย่างไรและการแสดงพลังของ  นายภาสพงศ์ แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมปราศรัยถึงบุคคลที่ร่างรัฐธรรมนูญปี 60อาทิ นายมีชัย ฤทธิ์ชุพันธุ์ พลเอกอัตพร เจริญพานิชย์ เป็นต้น โดยบุคคลเหล่านี้คือตัวตั้งตัวตีในการร่างรัฐธรรมนูญปี 60 ให้เอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้องตัวเอง ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา มีประชาชนมากมายออกมาใช้สิทธิ์ และถ้าหากว่าประชาชนเลือกมาแล้ว แต่

กลับโดนกลั่นแกล้ง ก็ไม่จําเป็นต้องเลือกตั้งอีก อยากจะชี้ใครให้มาเป็น นายกรัฐมนตรีก็ชี้เอา ถึงแม้เพื่อไทยจะเป็นแกนหลักในการจัดตั้งรัฐบาล สมาชิกวุฒิสภาก็คัดค้านอยู่ดี ดังนั้นก็ไม่ เกิดประโยชน์อะไรเลย ฉะนั้นเราจะไม่ยอมให้รัฐธรรมนูญเฮงซวยมากําหนดตัวเรา ใครก็ตามที่สนับสนุน พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็เตรียมให้ประชาชนเช็คบิลได้เลย

ด้าน นายณวรรษ เลี้ยงวัฒนา ปราศรัย กล่าวถึงที่มาของสมาชิก วุฒิสภาไม่ได้มาจากการเลือกของประชาชนแต่มาจากอํานาจเผด็จการ และที่ได้ออกมาวันนี้ก็เพื่อแสดงจุดยืนว่าจะไม่ยอมอยู่ใต้อํานาจเผด็จการอีกต่อไป และเรียกร้องให้สมาชิกวุฒิสภายุติการการทํางานตั้งแต่วันนี้ เพราะการกระทําของสมาชิกวุฒิสภาเหล่านี้ไม่สมควรที่จะอยู่ในสภา เนื่องจากบางคนที่เข้ามารับตําแหน่งมาจากการสืบทอดอํานาจของญาติตลอดจนผู้ที่มีอํานาจในกองทัพต่างๆ และนับจากนี้เราก็จะไม่ทนอีกต่อไป โดยจะมีประชาชนออกมาเป็นแสนเป็นล้านก็ได้ เพราะพวก สว.เป็นตัวทําลายชาติไม่ให้เจริญ ตลอดจนหมารับใช้ของใครบางคน

ส่วน น.ส.แทนฤทัย แท่นรัตน์ ปราศรัย กล่าวถึงการยุติการทํางาน ของนายพิธาฯ ว่าเป็นเหมือนภาพเดิมๆเหมือนกันกับ นายธนาธร จึง รุ่งเรืองกิจในปี 62 ถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะออกมาจัดการฌาปนกิจ สมาชิกวุฒิสภา แต่ทีพวกเผด็จการเดินเข้ามาสภามีการต้อนรับอย่าง อบอุ่น เห็นได้จากวันนี้ที่อํานาจเผด็จการรวมถึงศาลรัฐธรรมนูญได้ ทําลายความรู้สึกกับประชาชนไปอย่างสิ้นเชิงเพียงแค่เพราะกลัวว่าฝ่าย ประชาธิปไตยจะได้เข้ามาบริหารประเทศ และขอให้ทุกคนต่อสู้ไปด้วยกัน เพื่อให้อํานาจของฝั่งประชาธิปไตยกลับมาอยู่ในมือของประชาชน

เวลา 22.03 น.คณะผู้จัดงานร่วมแถลงการณ์ ประกาศสามข้อเรียกร้องต่อสมาชิกวุฒิสภาและพรรคพวกฝ่ายประชาธิปไตยเนื่องด้วยในการลงมติของนายกรัฐมนตรีครั้งที่สองในวันที่ 19 กรกฎาคมที่จบสิ้นไปวันนี้ย่อมเป็นที่ประจักษ์ชัดว่า สมาชิกวุฒิสภาและบรรดาผู้แทนเสียงข้างน้อยได้พยายามใช้ทุกวิถีทางเพื่อพยามบดขยี้และถูกทําลายความฝันต่อ  พี่น้องประชาชนผ่านการใช้อํานาจบาทใหญ่ สมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสียงข้างน้อยได้ร่วมกัน ขัดขวางการเป็นนายกของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ขณะเดียวกันก็ยังได้พยายามยุแยง ให้เกิดรอยร้าวระหว่างพรรคการเมืองฝั่งประชาธิปไตยรวมถึงพยายามปั่นประสาทด้วยสัญญาลมปากเพียงหวังให้พรรคการเมืองย่อม ลดระดับสัญญาทํา ที่เคยให้ไว้กับประชาชนพวกเราไม่อาจทนทานต่อการดูหมิ่นเจตจํานงของประชาชนและความ พยายามอันชั่วร้ายในฝ่ายประชาธิปไตยเราประชาชนจึงขอประกาศสามข้อ เรียกร้องต่อสมาชิกวุฒิสภาและพรรค การเมืองฝ่ายประชาธิปไตยโดยมีใจความสําคัญดังต่อไปนี้

สมาชิกรัฐภาที่ออกมาขัดขวางประชาชนด้วยการลาออกจากตําแหน่งสภาทันที พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยต้องสามัคคีอย่างเหนียวแน่นจับมือร่วมกันเพื่อ รักษาความเป็นปึกแผ่นอย่างมั่นคง พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยทั้งแปดพรรคต้องยึดมั่นในสัจจะสัญญาที่เคยตกลงไว้กับประชาชนไม่ ยกระดับไม่ลดระดับสัญญาทางนโยบายใดใดที่ให้ไว้แก่ประชาชนแม้แต่ข้อเดียวด้วยจิตวิญญาณอันรุ่งโรจน์แห่งประชาชนบัดนี้เราไม่อาจทนทานต่อการถูกดูหมิ่นเกลียดชังและศักดิ์ศรี การเป็นเจ้าของอํานาจอธิปไตยอีกต่อไป

ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกท่านทุกช่วงวัยทั้งนักเรียนนิสิตนักศึกษา สํานักงานข้าราชการในทุกพื้นที่ทั่วประเทศร่วมกันใช้สิทธิเสรีภาพของท่านที่ได้ถูกบัญญัติรับรองไว้อย่างชอบ ธรรมในรัฐธรรมนูญในการเรียกร้องต่อสมาชิกวุฒิสภาและพรรคการเมืองเพื่อให้เจตจํานงของประชาชนได้รับการ เคารพและนําไปปฏิบัติอย่างแท้จริง

นายโสภณ สุรฤทธิ์ธํารง กล่าวถึงการที่ออกมาในวันนนี้เพื่อแสดงจุดยืนว่าต่อไปนี้เราจะไม่มีการลดเพดานเรา จะดันเพดานเราจะสู้ไปด้วยกันท่ามกลางความเงียบและความสิ้นหวังและเราจะสู้ไปด้วยกันจนถึงในวันที่เราชนะ  ต่อมา เวลา 22.23 น.กลุ่มฯได้ทําพิธีฌาปนกิจ ส.ว. และศาลรัฐธรรมนูญ โดยการเผาหุ่นฟาง พร้อมกับจุดพลุ เพื่อเป็นการส่งเสียงถึงความโกรธและ อารมณ์ว่าเราจะไม่ยอมอีกต่อไป นายธัชพงศ์ ยุติกิจกรรมและกล่าว ขอบคุณมวลชนที่มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ตลอดจนขอบคุณเจ้าหน้าที่ตํารวจ ที่มาดูแลความเรียบรอ้ ย ยอดมวลชนสูงสุด 700 คน

2. ความไม่เชื่อมั่นต่อระบบและสถาบันการเมือง อีกจุดที่ ศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องรับคําร้องหรือไม่.? กรณีนายพิธา ถอื หุ้นสื่อไอทีวี ศาล รธน.สั่งหยุดปฏิบัติ หน้าทีศาลรัฐธรรมนูญ มีคําสั่งรับคําร้องไว้พิจารณาและวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่าสมาชิกภาพของส.ส.ของ นายพิธา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่ ปมถือหุ้นส่อื พร้อมสั่งหยุดปฏิบัตหิ น้าที่ ส.ส. จนกว่าศาลจะมี คําวินิจฉัย ศาล รธน. มติ 7:2 รับคํารอ้ ง กกต. ปม “พิธา” ถือหุ้นไอทีวีพร้อมสั่งยุติปฏิบัติหน้าที่ ตั้งเเต่วันนี้

อีกจุดของพื้นที่กรุงเทพฯเวลา 11.15 – 11.30 น.ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) มวลชน 5 คน นําโดย นาย อานนท์ กลิ่นแก้ว เดินทางเข้ายื่นถอนประกัน นายอานนท์ นําภา ฯลฯ โดย นาย อานนท์ กลิ่นแก้วกล่าวว่า การเดนิ ทางมาในวันนี้ เพื่อยื่นถอนการประกันตัว นายอานนท์ นําภา ที่ได้กระทําผิดเงื่อนไข การประกันตัว เพราะออกมาเคลื่อนไหว

และจัดชุมนุมหลายครั้ง หลังนายพิธา ไม่ได้รับการโหวต เลือกเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งการกระทําของนายอานนท์ฯ นั้น ถือเป็นการ ยุยงปลุกปั่น และสร้างความเดือดร้อน ให้กับประชาชน ด้วยเหตุนี้ ทางกลุ่มจึงได้เดินทางมายื่นถอนประกัน นายอานนท์ฯ ดังกล่าว โดยภายหลังเสร็จสิ้นการยื่น หนังสือขอถอนประกัน นายอานนท์ นําภา กลุ่มได้ออกมาแจ้งว่า ทางเจ้าหน้าที่ จัดส่งเอกสารดังกล่าวให้กับทางผู้พิพากษา ได้พิจารณาภายในวันนี้ เนื่องจากเป็นกรณีเร่งด่วน ที่กระทบต่อความ สงบเรียบร้อยของประชาชนทั้งนี้กลุ่มได้ประชาสัมพันธ์อีกว่าในเวลา 13.00น.ทางกลุ่มจะเดินทางไปยื่นหนังสือ ที่สถานทูตสหรัฐอเมริกา เพื่อเรียกร้องให้ สหรัฐอเมริกาหยุดแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทย ยุติกจิกรรมแยกย้ายออกจากพื้นที่ “หน่วยงานความมั่งคง ระบุ”

ทั้งนี้ มีรายงานว่าหน่วยงานความมั่นคง ได้มีการประเมินว่าในวันหฤหัสบดีที่ 27 ก.ค.เวลา 9.30 น. นั้นคาดว่า จะมีกลุ่มเห็นต่างทางการเมืองจะออกมาเคลื่อนใหวมากขึ้น โดยหน่วยงานความมั่นคง ได้เฝ้าระวังความเคลื่อนไหวของแกนนำกลุ่มต่าง เพื่อรายงานให้ผู้บังคับบัญชาระสูงของหน่วยงานความมันคงทราบตามลำดับชั้นต่อไป

#thaitabloid

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img