“กับดัก”รธน.60”บรรลุเป้า”

มิได้เหนือความคาดหมายแต่อย่างใดที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินไม่ถึงฝั่งฝันเข้านั่งเบอร์ 1 ทำเนียบรัฐบาล
เพราะขบวนการเจาะยางเตะสกัดพรรคก้าวไกล เริ่มมาตั้งแต่ช่วงหาเสียงที่บรรดานักร้องต่างนำเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนายพิธาและพรรคก้าวไกลไปร้องต่อองค์กรอิสระ รอเพื่อขึ้นเคียงไว้เรียบร้อยแล้ว
พอผลเลือกตั้งออกมาแบบพลิกความคาดหมายก้าวไกลชนะอันดับหนึ่ง กลไกขององค์กรอิสระซึ่งรับธงมาแล้วก็จัดการเชือดทันที
ดาบแรกคณะกรรมการเลือกตั้ง(กกต.)เชือดด้วยปมหุ้นไอทีวี ส่งศาลรัฐธรรมนูญรับไม้ต่อพร้อมขอให้ศาลสั่งให้นายพิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส. ระหว่างทางดาบสองสมาชิวุฒิสภา(ส.ว.)และส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลเก่าเตะตัดขาลงมติโหวตไม่รับนายพิธา
ดาบสามเริ่มระหว่างส.ส.และส.ว.หารือว่าไม่ควรโหวตนายพิธาอีก เพราะญัตติได้ตกไปแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องที่กกต.เสนอไว้พิจารณาพร้อมสั่งนายพิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ ระหว่างนั้นส.ว.และส.ส.พรรครัฐบาลเก่าก็ลงมติสนับสนุนญัตติไม่สามารถเสนอชื่อนายพิธาได้อีก
ขบวนการสกัดนายพิธาก็เป็นไปตามที่กลุ่มอำนาจเก่าฝ่ายอนุรักษ์นิยมเขียนบทไว้ นักแสดงแต่ละส่วนก็เล่นตามบทโดยมิผิดเพี้ยน
ในวันที่ 27 กรกฎาคม ละครบทใหม่ก็จะเปิดแสดงอีกรอบ แต่กว่าจะถึงอีกก็ 8 วัน สถานการณ์ทางการเมืองคงร้อนแรงและพลิกผันไม่น้อย
บทบาทพรรคเพื่อไทยจะถูกจับตาเป็นพิเศษ เพราะรับไม้ต่อจากก้าวไกลเพื่อจัดการตั้งรัฐบาล
การเดินเกมของเพื่อไทยถ้าคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชนที่มองเพื่อไทยกับก้าวไกลคือฝ่ายประชาธิปไตยต้องผนึกกำลังกันสู้กับฝ่ายอนุรักษ์นิยม เพื่อไทยก็ต้องกอดคอกับก้าวไกลเดินต่อ
แต่ถ้าเพื่อไทยตัดสินใจโดยเมินความรู้สึกของประชาชนและหวังให้โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีผ่านในรอบเดียว คงต้องฉีกเอ็มโอยู 8 พรรคทิ้ง แล้วสลัดก้าวไกลให้หลุดพ้นวงจรอำนาจ
ดังนั้นโอกาสที่พรรคเพื่อไทย จะเดินเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาลเป็นไปได้สูง เพราะส.ว.และแกนนำพรรครัฐบาลเก่าต่างแสดงท่าทีโหวตหนุนถ้าไม่มีก้าวไกลร่วมรัฐบาล
หมากเกมนี้มีเสียงนินทาว่าอยู่ในสมองของแกนนำเพื่อไทยหลายคนแล้ว เพียงแต่ยังไม่ถกเถียงให้ตกผลึกว่าจะชี้แจงเหตุผลอย่างไรกับประชาชน เพื่อมิให้เสียภาพลักษณ์ที่อ้างว่าเป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตย
ประเด็นสำคัญที่จะต้องเร่งจัดตั้งรัฐบาลนั้นมีประเด็นการเดินทางกลับประเทศของนายทักษิณ ชินวัตร นายใหญ่แห่งเพื่อไทย รวมอยู่ด้วย แม้แกนนำบางกลุ่มจะปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวกันแต่สังคมไม่ค่อยเชื่อนัก
ถ้าเพื่อไทยไม่อยากให้เสียเครดิตกับประชาชนมากนั้น อาจจะเดินเกมให้โหวตนายกรัฐมนตรีสองรอบก็ได้ ด้วยการยังคงยืนบนเอ็มโอยูเดิม
เมื่อรอบที่สองก็ฉีกเอ็มโอยู พร้อมยกเหตุผลว่าต้องตั้งรัฐบาลได้แล้วประเทศไม่ควรเสียเวลามากกว่านี้และเพื่อให้การโหวตเป็นไปอย่างราบรื่นก้าวไกลก็ไม่ควรอยู่ในสมการนี้
หากเดิมตามเกมนี้ประเทศไทยจะได้นายกรัฐมนตรีที่มาจากตระกูลชินวัตรคนที่ 4 ก็เป็นได้
แต่ไม่ว่านายกรัฐมนตรีจะเป็นนายเศรษฐา ทวีสิน ที่อาจผ่านโหวตในวันที่ 27 กรกฎาคม หรือจะเป็น อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ที่อาจจะผ่านโหวตในรอบ 2
แต่โฉมหน้าพรรคร่วมรัฐบาลจะประกอบไปด้วย พรรคเพื่อไทย ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ ประชาชาติ ไทยสร้างไทย ชาติไทยพัฒนา ชาติพัฒนา เสรีรวมไทยและ รวมไทยสร้างชาติ ซึ่งอาจจะโหวตด้วยจากนั้นอาจจะยุบรวมกับพลังประชารัฐก็เป็นได้
สำหรับซีกฝ่ายค้านประกอบไปด้วย พรรคก้าวไกล ประชาธิปัตย์และ6- 7 พรรคเล็ก
ขณะเดียวกันก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากคนบางกลุ่มว่าหากเพื่อไทยทิ้งก้าวไกล โอกาสที่ม็อบจะลงถนนจนนำไปสู่ความรุนแรงก็เป็นได้
แต่เพื่อไม่ให้เป็นไปตามเสียงวิจารณ์ว่าจะเกิดเหตุความรุนแรงพรรคก้าวไกล ควรแสดงบทบาทสยบแฟนคลับด้วยการชี้แจงด้วยเหตุด้วยผลว่าทำไมถึงพ่ายให้กับกลุ่มอำนาจเก่า ให้แฟนคลับได้รับทราบแล้วใช้เป็นข้อมูลในการขยายผลเชิงความคิดสั่งสมแนวร่วมให้มากกว่าเดิม
โดยทำควบคู่ไปกับการตรวจสอบรัฐบาลและองค์กรอิสระอย่างเข้มข้น นำข้อมูลออกตีแผ่ให้สังคมรับทราบผ่านรัฐสภาและสื่อทุกแขนง
หากทำได้จริง เมื่อถึงเวลาเลือกตั้งโอกาสที่พรรคก้าวไกลจะชนะแบบแลนด์สไลด์ เป็นรัฐบาลพรรคเดียวมีโอกาสเป็นได้สูง
เพราะนับแต่เดือนพฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป กับดักรัฐธรรมนูญ 2560 ที่คณะรัฐประหารนำโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา วางไว้เพื่อสืบทอดอำนาจถูกกาลเวลาได้ทำลายลงแล้ว
ทางกลับกันถ้าเพื่อไทย บริหารประเทศได้ราบรื่นอยู่ครบเทอมเศรษฐกิจฟื้นตัวประชาชนลืมตาอ้าปากได้ พร้อมส่งเสริมให้เด็กรุ่นใหม่โชว์ศักยภาพคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับตัวเองและครอบครัว ก็จะกลายเป็นการบ้านข้อที่ยากสำหรับก้าวไกลก็เป็นได้ !!!


