นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวผ่านรายการต้องถาม หลังจากดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.) ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนในหลายกรณี
เมื่อถามว่า ตกลงพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันไหมว่า สมาชิกของพรรคจะเลือกหัวหน้าพรรคฯ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องทำตามกฎหมาย กฎหมายนี้ยังบอกว่าเป็นอำนาจที่ประชุมใหญ่ที่ประชุมใหญ่ ซึ่งที่ประชุมใหญ่แล้วปกติก็จะประกอบไปด้วยอดีตส.ส. เดี๋ยวนี้เขาเรียกหัวหน้าสาขาพรรคหรือประธานสาขาพรรค เราก็จะมีตัวแทนของพรรคในท้องถิ่น เพราะฉะนั้นไม่ใช่สมาชิกทั้งหมด แต่ถ้าเขาปลดล็อคให้มันเป็นไปได้ ผมก็ยังยืนยันที่จะให้สมาชิกในมีส่วนร่วม ซึ่งอาจจะเป็นผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือว่าจัดกิจกรรมให้สามารถมาแสดงออกด้วยการหย่อนบัตรในสาขาพรรคฯ ส่วนพรรคฯอื่นก็คงจะทำตามเงื่อนไขที่เขียนไว้ในกฏหมายเท่านั้น เพราะว่าเขาก็จะบอกว่า เขามีปัญหาที่จะไปเร่งทำสมาชิกเยอะๆ อะไรต่างๆ
เมื่อถามว่า กรณีดร.เอนก ระบุว่า พร้อมจะร่วมกับพรรคเพื่อไทยและก็จะนิรโทษกรรม
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อันนี้ผมตั้งเป็นข้อสังเกตไว้ว่า ดร.เอนกกับกลุ่มคนซึ่งผมเห็นไปร่วมก่อตั้งพรรคนี้ ผมยังไม่แน่ใจว่าตรงนี้จะเป็นปัญหาในชืงจุดยืนหรือไม่นะครับ เพราะว่ากลุ่มคนที่ไปทำพรรคนี้ส่วนใหญ่ที่ต่อสู้มาก็คือบอกว่าพรรคดันการปฏิรูปกับสู้กับระบอบทักษิณ บางคนยังบอกเขียนมาถึงผมว่าจะไปสนับสนุนพรรค รปช. แล้วเพราะดูเหมือนพรรคประชาธิปัตย์จะจับมือกับพรรคเพื่อไทยก็มี แต่ว่าผมฟังเสียงดร.เอนกแสดงความคิดเห็น ดร.เอนก พูดเสมอว่าจะทำพรรคแบบลืมอดีตพูดมาตั้งแต่ต้น ผมก็เลยตั้งเป็นเครื่องหมายคำถามไว้ตั้งแต่วันนั้นกับอาจารย์ว่ามันตกลงจะไปลงเอยอย่างไร ซึ่งในตอนนี้ท่าทีของ ดร.เอนก ก็คือพร้อมจะจับมือกับทุกพรรค แล้วก็ยังพูดถึงเรื่องนิรโทษกรรมด้วย ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะว่าในการทำงานของดอกเตอร์เอนก ในหลายสถานะที่ผ่านมาเช่น เป็นอนุกรรมาธิการและเป็นกรรมการปฏิรูป ก็ได้นำเสนอแนวความคิดทำนองนี้ เพราะฉะนั้นก็ต้องอยู่ที่สมาชิกของ รปช เองว่าเห็นด้วยกับแนวนี้หรือเปล่า
เมื่อถามว่าพรรคการเมืองต้องชัดไหมในเรื่องอุดมการณ์และจุดยืนว่าเป็นอย่างไรกันแน่
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยยังอยู่ในระบอบทักษิณ ก็ไม่ร่วมด้วย คำว่าอยู่ในระบอบทักษิณก็คือว่า ยังมีการยึดติดอยู่กับผลประโยชน์ของครอบครัวชินวัตรอย่างนี้เป็นต้น แล้วก็กรณีอย่างการนิรโทษกรรมคดีทุจริตอย่างนี้ประชาธิปัตย์หรืออย่างน้อยผมคนหนึ่งยืนยันว่า ผมไม่สนับสนุน แต่ถ้าจะให้ผมไปประกาศบอกว่า ไม่มีทางทั้งชีวิต ไม่มีทางไปร่วมทำงานกับคนนั้นคนนี้ ถ้าเกิดจุดยืนของเขาไม่ได้เป็นอย่างที่ผมต่อต้าน มันก็อีกเรื่อง
เมื่อถามถึงกรณีว่าทำไมผู้นำเกาหลีเหนือยังจับมือกับผู้นำสหรัฐได้ เสมือนว่าเราลืมอดีตได้หรือไม่ เมื่อคนอื่นลืมกันได้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องแยกเป็นสองประเด็น ประเด็นการต่อสู้รบกันมาในคนละประเทศคนละสังคมและมีความจำเป็นที่มาสร้างความสัมพันธ์อันดีกับการต่อสู้ในทางความคิดในประเทศ แล้วก็มีหลักสากลบางอย่าง ซึ่งถ้าจะบอกว่าจับมือกันได้ ก็ต้องรอดูต่อไป เราก็วิเคราะห์กันอยู่ว่ามันมีคำตอบที่ชัดเจนยั่งยืนแค่ไหนอย่างไร บางเรื่องมันก็เป็นไปได้ที่จะมาพูดกัน แต่สำหรับผมในกรณีอย่างคดีทุจริต แล้วก็อย่างที่ผมเคยตั้งข้อสังเกตหลายครั้งว่า ถ้าบอกนิรโทษกรรมและปรองดองมันสลายขั้ว มันสลายกลุ่มทางการเมืองจริงหรือไม่ ในอดีตอย่างกรณีของการต่อสู้ของพรรคคอมมิวนิสต์ ผมว่าทุกคนก็ยอมรับในแนวคิดแนวทางนโยบาย 66/23 แต่เขาจบ กลับมาแล้ว เขาไม่ได้แยกตัวเป็นพรรคคอมมิวนิสต์อีกต่อไป
เมื่อถามว่า นิรโทษกรรมแล้วจบได้หรือไม่
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คือผมบอกว่านิรโทษกรรมที่ผมสนับสนุน คือคดีของประชาชนที่ทำผิดกฎหมายพิเศษและกฏหมายเล็กน้อยทั้งหมด เพราะฉนั้นกรณีของการฝ่าฝืน พ.ร.ก. กฎหมายความมั่นคง อาจจะความผิดเล็กๆน้อยๆ เช่นกีดขวางทางจราจรอะไรต่างๆ เหล่านี้ ถ้าประชาชนไปใช้สิทธิ์โดยรวมโดยสุจริต ก็ไม่เป็นไร แต่ว่าในเรื่องของบางคดี ถ้าเรานิรโทษกรรม เรากำลังส่งสัญญาณว่าการใช้ความรุนแรงในการต่อสู้ทางการเมือง ในที่สุดก็คือจะไม่เป็นความผิด แล้วกรณีคดีอย่างการทุจริตนี้มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับความขัดแย้งทางการเมือง แต่มันเป็นการปล้นทรัพยากรของแผ่นดิน เบียดบังเปลี่ยนสิ่งที่เป็นของประชาชนของแผ่นดินไป แล้วเพียงเพราะว่าเขามีอำนาจมีความนิยมแปลว่าเราอนุญาตให้ทำ ผมว่านี้อันตรายมาก มันคนละเรื่องกันกับเงื่อนไขสงครามสันติภาพที่พูดกันระหว่างประเทศ
เมื่อคำถาม เขาบอกว่าให้ลืมให้หมดได้ไหม มาเริ่มต้นกันใหม่ อย่าเจ้าคิดเจ้าแค้นได้หรือไม่
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ผมไม่ได้มีความแค้นอะไรกับใคร ทุกวันนี้คดีที่มันสิ้นสุดลงไปแล้ว ผมก็เคยพูดเสมอว่าถ้าคนที่ถูกตัดสิน ยอมรับกระบวนการเข้ามาแล้ว ซึ่งประเทศเราก็มีกระบวนการในเรื่องของการขอพระราชทานอภัยโทษ มันก็ไม่เคยมีใครปิดกั้นทางนี้ เพราะว่าคำอภัยโทษกับคำว่านิรโทษกรรม คนละความหมายกัน การอภัยโทษคือการยืนยันว่าการกระทำนั้นเป็นความผิดอยู่ แต่เอาล่ะไม่มีความโกรธแค้นไม่ได้มีอะไรกันแล้วก็เพื่อประโยชน์ในการให้บางสิ่งบางอย่างเดินได้ เราก็ให้อภัยกัน และอำนาจนี้ก็เป็นอำนาจของพระมหากษัตริย์ ก็ไปตามนั้น แต่นิรโทษกรรมคือการบอกว่า สิ่งที่ทำมาไม่เป็นความผิด อันนี้มันส่งสัญญาณแล้วว่ากินความไปอีกหลายเรื่อง
เชิญชมไลฟ์สด รายการ "ต้องถาม" กับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่เวลาประมาณ 9.30 น. เป็นต้นไป #DemocratTH #พรรคประชาธิปัตย์
โพสต์โดย Democrat Party, Thailand พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อ วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน 2018