หน้าแรกกระบวนการยุติธรรม"หลวงพ่อสัมฤทธิ์"วัดอาวุธฯย่านฝั่งธนฯ หายไปไหน.?

“หลวงพ่อสัมฤทธิ์”วัดอาวุธฯย่านฝั่งธนฯ หายไปไหน.?

“หลวงพ่อสัมฤทธิ์”วัดอาวุธฯย่านฝั่งธนฯ หายไปไหน.? เจ้าอาวาสฯหรือ กรมศาสนาต้องเร่งมีคำตอบให้พุทธศาสนิกชน ที่ศรัทธา ให้สิ้นสงสัย

เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2565 สำนักข่าวไทยแทบลอยด์ ได้รับการร้องเรียน จากประชาชนในพื้นรอบวัดอาวุธวิกสิตาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ สังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย ตั้งอยู่ในแขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร ใน พ.ศ. 2532 กองทัพบกได้อนุญาตใช้สถานที่วัดเป็นฌาปนสถานกองทัพบกเพื่อบริการสมาชิกฌาปนสถานกิจสงเคราะห์กองทัพบกหรือข้าราชการทหารที่ตั้งอยู่ฝั่งธนบุรี วัดอาวุธวิกสิตารามเป็นสำนักเรียนโดยการจัดการการศึกษาพระปริยัติธรรมแก่พระภิกษุสามเณร ทั้งแผนกธรรมและบาลีมาตั้งแต่ พ.ศ. 2530 ตั้งอยู่ เลขที่ 137 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 72 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร 10700

ว่าประชาชน ที่อาศัยอยู่ในย่านรอบวัดให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวไทยแทบลอยด์ว่า นอกวัดแห่งนี้นอกจากอดีต มีคุณแม่ชีบุญเรือนโตงบุญเติมได้มาปัฎิบัติธรรมวิปัสนาจนได้บรรจุธรรม “ระดับอภิญญา”ถึง 5 อย่าง มีพระธรรมเข้าประทับ เมื่อนึกอยากรู้อยากเห็นอะไร ก็รู้แจ้งตลอดสว่างไสวไปหมด และยังได้อิทธิปาฏิหาริย์อีกด้วย มีผู้คนจากทั่วประเทศต่างมากราบใหว้เพื่อขอพร ล้วนได้รับพรสมใจทุกท่าน จนเป็นที่ยอมรับมีชื่อเสียงไปทั่วสารทิศ

แต่ก่อนวัดอาวุธฯ ชื่อเดิมคือวัดบางพลัดนอก ได้รับการบูรณะวัดอย่างจริงจังในยุคที่มีพระสิทธิสารโสภณ (ที่ชาวบ้านเรียกท่านว่าท่านใหญ่) ชาวบ้านที่อาศัยรอบวัดอาวุธฯต่างให้ความศรัทธา ในตัวท่านมาก ด้วยท่านมีพระเมตตาธรรมสูง เป็นพระสายปฎิบัติวิปัสนากรรมฐานอีกท่านหนึ่ง

ในยุคนั้นมี พระลอยน้ำตามลำน้ำเจ้าพระยา ซึ่งหน้าวัดอาวุธฯ อยู่ติดแม่น้ำ ก่อนพระหลวงพ่อสัมฤทธิ์จะลอยผ่านมาหลายจุด มีประชาชน และวัดต่างๆพยายามนิมนต์อันเชิญท่านขึ้นเพื่อมาเป็นมงคงคลแด่ ณ สถานที่แห่งนั้นแต่ไม่สามารถ นำท่านขึ้นจากน้ำได้สำเร็จ แต่พระสิทธิสารโสภณ(ท่านใหญ่) ได้อธิฐานจิตอันเชิญหลวงพ่อสัมฤทธิ์ เพื่อให้ญาติโยมที่อาศัยอยู่ย่านนั้นได้มีท่านเป็นพระประจำวัดเพื่อยึดเหนี่ยวจิตใส ได้สำเร็จ พร้อมทั้งได้สร้างศาลาไม้สัก ทั้งหลังให้เป็นที่อยู่ เพื่อให้ประชาชนกราบใหว้ ขอพร จนต่อมาได้รับการกล่าวขานต่อๆกันมา ว่าท่านศักดิ์สิทธิ์มาก จนเป็นพระประจำวัดเช่นเดียวกับ พระหลวงพ่อโสธร หลวงพ่อวัดไร่ขิง หลวงพ่อวัดบ้านแหลม หลวงพ่อวัดเขาตะเครา ที่ต่างลอยน้ำมา เช่นกัน

ขณะที่ท่านประดิษฐานอยู่ศาลาไม้สัก มีโจรใจชั่วพยายามจะขโมยหลายครั้งแต่มีเหตุให้ไม่สามารถขโมยได้สำเร็จแม้แต่ครั้งเดียว จนมาถึงเวลาสิ้นบุญท่านใหญ่ เจ้าอาวาสองค์ใหม่คือพระอาจารย์ทองดี (พระเทพปัญญามุนี) ได้รื้อศาลาไม้สัก แล้วอันเชิญหลวงพ่อสัมฤทธิ์ ไปประดิษฐานใว้ในพระอุโบสถหลังเก่าเพื่อให้ประชาชนที่ศรัทธาได้กราบใว้ขอพรเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจตลอด แต่ก็ไม่วาย ที่มีโจรใจชั่วพยายามจะขโมยหลัง แต่ไม่เคยสำเร็จสักครั้ง

ต่อมาชาวบ้านญาติโยมซึ่งเป็นพุทธศาสนิกชนที่อาศัยอยู่บริเวณรอบๆวัด จะมีโอกาสได้กราบใหว้ขอพรจากหลวงพ่อสัมฤทธิ์ ได้เฉพาะวันสงกรานต์ ของทุกปี ทางวัดจะนำท่านออกมาจากสถานที่ประดิษฐานอุโบสถหลังเก่าตลอดมา

อยู่ๆหลวงพ่อสัมฤทธิ์ หายไปไม่ได้รับทราบองค์ท่านไปประดิษฐานอยู่ ณ ที่แห่งใด ทำให้พุทธศาสนิกชนที่เสื่อมใสจะมากราบใหว้ ถามหาคำตอบจากทางเจ้าหน้าที่วัด แต่กลับไม่ได้คำตอบจากท่านเจ้าอาวาสซึ่งช่วงจังหวะเวลานั้นก็เกิดกระแสข่าว คดีเงินทอนวัด ซึ่งวัดอาวุธฯก็เป็นวัดหนึ่งที่มีชื่อในการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจในยุคนั้น อย่างไรเสียทางพนักงานสอบสวนได้สอบสวนสักระยะ คดีเงินทอนที่ทางท่านเจ้าอาวาส อยู่ในข่ายที่ต้องสอบสวน ก็เงียบไปเฉย ๆทำให้พุทธศาสนิก ต่างพากันวิพากษ์ต่างๆนานา พร้อมกับได้พยายามสอบถามหาพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์หลวงพ่อสัมฤทธิ์ แต่ไม่ได้รับคำตอบ ที่ชัดเจน ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณ ชุมชนรอบวัด ก็ต่างพากันวิพากษ์กัน ว่าองค์พระหลวงพ่อสัมฤทธิ์ ถูกบูรณะทาสีทองทับ แล้วนำไปประดิษฐานใว้ในหน้าพระประทาน ในอุโบสถหลังปัจุปัน ว่าวางแท่นอยู่ด้านขวาขององค์พระประธานฯ เสียงชาวบ้านบางคนก็แจ้งว่ามีการย้าย ไปใว้ที่จังหวัดอุบลราชธานีพร้อมรวมถึงไม้ที่รื้อศาลาไม้สัก

จนถึงปัจุบันนี้ ยังไม่มีใครสามมารถออกมาชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว ผู้สื่อข่าวไทยแทบลอบด์ เองก็เคยลงพื้นไปดูสถานที่ประดิษฐานหน้าพระประทานด้วยตัวเองก็ไม่ปรากฏให้เห็นว่าพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ อยู่ตรงใหน

ชาวบ้านย่านนั้นรายหนึ่งกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า กรณีดังกล่าว ท่านเจ้าอาวาสพระอาจารย์ทองดี (พระเทพปัญญามุนี)ต้องออกมาให้คำตอบกับชาวบ้านให้ชัดเจน และทางเถรสมาคมเองก็ควรส่งเจ้าหน้าทีมาตรวจสอบความกระจ่าง ต่อกรณีดังกล่าวด้วย โดยเร็ว ใหนยังมีเรื่องราวร้องทุกข์จากชาวบ้านที่อาศัยอยู่รอบวัด ถูกยื่นโนตีสขับไล่ที่เพื่อเอาที่ดินไปทำประโยชน์เชิงพาณิชย์ที่ชาวบ้าน ร่วมกันต่อสู้กันตลอดมา ตามเจตนาของเจ้าอาวาสเดิมพระสิทธิสารโสภน(ท่านใหญ่ได้รับบริจาคที่ดินเพื่อให้เป็นที่อยู่ของผู้ยากไร้ได้อาศัยมาชั่วลูกชั่วหลาน แถมให้อีกเรื่องล่าสุดของล่าสุด เรื่องวัดร่วมกับเจ้าหน้าฌาปนสถานกองทัพบก บางนายร่วมกันทำธุระกิจ รับเงินค่าจอดรถ บริเณวัดเก็บกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ยังมีเรื่องร้อง เอาพรรคพวกญาติพี่น้องของเจ้าหน้าที่วัดบางคน(ว่าบางคนนะครับ) ไล่ชาวบ้านที่เขาพอมีอาชีพขายดอกไม้รูปเทียน สำหรับพุทธศาสนิก ที่ศรัทธามากราบใหว้ คุณแม่ชีบุญเรือน โตง บุญเติม อีก

จึงวอนให้หน่วยงานรัฐที่กำกับดูแล เช่น เถรสมาคม กรมศาสนา เร่งเข้าตรวจสอบความชัดเจนเพราะวัดต้องโปร่งใสตรวจสอบได้ จริงไม่จริงจะได้เกิดความชัดเจน อย่าปล่อยใว้แบบนี้ ซึ่งในอนาคตอาจจะเป็นเช่นวัดบางคลานจังหวัดพิจิตร ที่เหม็นหึ่ง จนตำรวจต้องเข้าไปดำเนินการ ตามที่ปรากฏเป็นข่าวอยู่

สำหรับ ประวัติ”หลวงพ่อสัมฤทธิ์” พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ประจำ วัดอาวุธสิกสิตาราม อีกด้านหนึ่งก็มีการเล่าต่อๆกันมาว่า

หลวงพ่อสัมฤทธิ์เป็นพระพุทธปฏิมาเก่าแก่สมัยโบราณประจำวัดอาวุธฯ เนื้อสัมฤทธิ์ มีอายุมากกว่าร้อยปี ได้พบว่าท่านลอยน้ำ แล้วประชาชนพร้อมพระเจ้าอาวาสในยุคนั้นได้อาราธนาขึ้นมาประดิษฐานที่วัดอาวุธวิกสิตาราม

ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ทุกปีวันสงกรานต์ ทางวัดก็ได้อัญเชิญองค์หลวงพ่อมาให้ประชาชนถวายสักการะ กราบไหว้บูชาขอพรเพื่อเป็นศิริมงคลของชีวิต ความศักดิ์สิทธิ์ขององค์หลวงพ่อสัมฤทธิ์นี้มีประชาชนบอกเล่าสืบๆ กันมาว่า

เมื่อมากราบไหว้บูชาขอพรแล้ว ทุกข์โศกโรคภัยไข้เจ็บก็จะมลายหายไป ความปรารถนาทุกอย่าง จะสำเร็จเร็วพลัน ด้วยอำนาจพุทธคุณที่มีอยู่ในองค์หลวงพ่อ ซึ่งถือได้ว่าพระพุทธรูปสำคัญประจำวัดอาวุธวิกสิตารามเป็นที่เคารพนับถือของคนในพื้นที่ตลอดมา “ผู้สื่อข่าวไทยแทบลอยด์กล่าวถึงความอึดอัดใจต่อกรณีดังกล่าวข้างต้น”

#สำนักข่าวไทยแทบลอยด์ สื่อออนไลน์ ที่ยึดถือจรรยาบรรณครบถ้วน

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img