ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ประจำวันศุกร์ที่ 8 มิถุนายน 2561 โดยระบุในตอนหนึ่งว่า “สุภาษิตโบราณกล่าวว่า “จิ้งจกทัก” เรายังต้องฟัง เพราะฉะนั้นทุกเสียง ทุกความเห็น โดยเฉพาะจากพี่น้องประชาชนเจ้าของประเทศ ผม รัฐบาล และ คสช. ได้ยินและได้นำมาสู่กระบวนการแก้ไขอยู่ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา เพราะเป้าหมายของเรา คือ “การคืนความสุขให้กับคนในชาติ” ซึ่งแน่นอนว่า เราไม่ได้ตีความ “ความสุข” แต่เพียงตัวเลขทางเศรษฐกิจ ที่เป็นข้อมูลเชิงประจักษ์ ใช้อ้างอิงในวงวิชาการ วงการธุรกิจ หรือเป็นเครื่องมือประกอบการตัดสินใจต่าง ๆ แต่รัฐบาลมองและให้ความสำคัญในเรื่องอื่น ๆ ที่กว้างกว่านั้น ทั้งเรื่องปากท้อง ความเหลื่อมล้ำ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ปัญหาทุจริต การขาดโครงสร้างพื้นฐานที่ดีพอ รวมไปถึงความแตกแยกอุดมการณ์ทางการเมืองเป็นต้น ดังนั้น เสียงสะท้อนจากโพล หรือ “เสียงบ่นในใจ” ก็ขอให้ถ่ายทอดมาเถิดครับ ผ่านสายด่วนต่าง ๆ ตามที่ผมได้เคยบอกไปแล้วหลายครั้ง ทั้ง 1111 และศูนย์ดำรงธรรม 1567 รวมทั้ง “สายด่วนไทยนิยม” ซึ่งผมก็ดีใจที่วันนี้หลายเรื่องหลายราว ซึ่งเป็นความทุกข์ใจได้รับการแก้ไขแล้ว แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็จะไม่ถูกมองข้าม แต่เรื่องยาก ๆ ซับซ้อน ก็ต้องขอเวลาให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้ทำงาน ได้มีเวลาพิจารณาหามาตรการที่เหมาะสม หลายเรื่องซุกอยู่ใต้พรม คนรู้เบาะแสก็ไม่กล้าเปิดเผย เพราะกลัวภัยจะมาถึงตัว ก็ถูกหยิบขึ้นมาสู่สังคม แล้วรัฐบาลนี้ก็เอาจริงเอาจังในการบังคับใช้กฎหมาย อาทิ เรื่องอาหารกลางวันเด็ก “ขนมจีนน้ำปลา” เรื่องเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้-ผู้ประสบภัย เรื่องกองทุนเสมา ไปจนถึงเรื่องเงินทอนวัด แม้กระทั่ง ความเดือดร้อนจากโครงการพัฒนาต่าง ๆ เช่น ถนนชำรุด เป็นต้น เราก็ได้พยายามแก้ไขมาตามลำดับ ก็ขอให้ทุกคนสามารถแจ้งเข้ามาตามช่องทางที่กล่าวไว้ได้ อย่าทำให้เสียเวลา อย่าโทร. มาโดยที่ไม่มีความจำเป็น
สำหรับปัญหาเชิงโครงสร้าง หรือการปฏิรูปเรื่องใหญ่ ๆ ก็คงต้องอาศัยเวลา ในการ “ผลิดอก ออกผล” การปลูกข้าว ยาง อ้อย ยังต้องใช้เวลา ระหว่างรอ ชาวสวน ชาวนาก็หาอาชีพเสริมทำ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว วันนี้เราลงทุนเพื่ออนาคตจำนวนมาก นอกจากจะเป็นการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนแล้ว ก็ยังเป็นการสร้างโอกาส สร้างสิ่งดี ๆ เพื่อวันข้างหน้า อาทิ การเร่งสร้างรถไฟฟ้าเกือบ 10 สายในวันนี้ เพราะที่ผ่านมาเดินหน้าไม่ได้ อาจทำให้รถติด ก็คงต้องอดทน เพื่อความสะดวกสบายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า การสร้าง EEC ที่จะเริ่มทยอยเห็นผล จะมีการจ้างงานหลายหมื่นอัตราในหลายสาขา จะมีการใช้วัตถุดิบในประเทศกว่า 5 หมื่นล้านบาทต่อปี จะมีการส่งออกสร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 7 หมื่นล้านบาทต่อปี เป็นต้น ทุกคนที่เป็นคนไทย จะได้รับอานิสงส์ได้รับโอกาสร่วมกัน ซึ่งเพื่อให้ได้ประโยชน์เต็มที่ ต้องมีความจำเป็นในการที่จะต้องมีปรับตัว-พัฒนาตนเองไปด้วย แล้วหาช่องทางมีส่วนร่วม”