กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.สุเทพ โตอิ้ม รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.5 บก.ป., พ.ต.ท.หัตถพร ทองคำ, พ.ต.ท.ฤทธิชัย ชุมช่วย, พ.ต.ท.พงษ์พิทักษ์ เหล็กชูชาติ, พ.ต.ท.หัตถพล ทองคำ รอง ผกก.5 บก.ป.เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.วาทิต จิตรจันทึก สว.กก.5 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 1 กก.5 บก.ป. ร่วมกันจับกุม นายทรงกฤษ (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ 179/2564 ลงวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ.2564 โดยต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส, ร่วมกันปลันทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม”
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2563 เวลาประมาณ 11.30 น. นายทรงกฤษฯและพวกอีก 3 คน ได้ไปเที่ยวงานวัดในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ระหว่างเที่ยวงานวัด นายทรงกฤษฯ และเพื่อนอีก 2 คน ได้เกิดทะเลาะวิวาทกับผู้เสียหายซึ่งก็คือเพื่อนที่ไปด้วยกัน และได้รุมทำร้ายผู้เสียหายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จากนั้นกลุ่มผู้ต้องหาร่วมกันชิงเอาโทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง และเงินสด จำนวน 4,000 บาท ของผู้เสียหายและได้หลบหนีไป ต่อมาผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองร้อยเอ็ด โดยทางพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกผู้ต้องหากับพวกเพื่อดำเนินคดี ปรากฎว่า พวกของนายทรงกฤษฯ ทั้ง 2 คน ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกเพื่อต่อสู้คดี แต่นายทรงกฤษฯ ไม่มาตามหมายเรียก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ออกหมายจับนายทรงกฤษฯ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายทรงกฤษฯ ได้หลบหนีเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ และจะมาปรากฏตัวอยู่บริเวณภายในซอยบุญศิริ 14 ถนนสุขุมวิท ตำบลบางเมือง อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงลงพื้นที่ตรวจสอบ เมื่อเดินทางไปถึงพื้นที่ดังกล่าว พบตัวนายทรงกฤษฯ จริง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าแสดงตัวและจับกุม จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองร้อยเอ็ด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา