ประเด็น การอำนวยความสะดวก นำขบวนนักท่องเที่ยว ยืนยัน ตร.มีระเบียบหลักเกณฑ์เคร่งครัด หากผิดจริงต้องถูกลงโทษ

วันที่ 21 มกราคม 2566 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณี คลิป “ตำรวจไทย” ที่กำลังเป็น Viral ในประเทศจีน กล่าวถึง “สาวจีน” ทดสอบใช้บริการ “ตำรวจไทย” ว่าใช้เงินซื้อได้ทุกอย่างตามคำร่ำลือจริงหรือไม่ ‘สุดขำ’ มีตำรวจไปรับถึงประตูเครื่องบิน เดินนำทาง ยกกระเป๋า เปิดประตูรถให้ ขับรถนำเปิดไฟฉุกเฉินไซเรน จยย. 6,000 รถเก๋ง 7,000 แป๊บเดียว ถึงที่พัก สะดวกสมคำร่ำลือจริงๆ!

พล.ต.ต.อาชยน กล่าวว่า “ กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้รับทราบเรื่องแล้ว เห็นว่า กระทบต่อภาพลักษณ์องค์กร จึงสั่งการด่วนให้ จเรตำรวจ ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่าบุคคลปรากฎตามคลิปตั้งแต่สนามบินถึงการนำขบวน เป็นข้าราชการตำรวจจริงหรือไม่ ทำไมถึงมีการอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว กระทำโดยชอบตามกฎหมาย ระเบียบหรือไม่ แล้วพิจารณาสั่งการตามอำนาจหน้าที่ เสนอ ผบ.ตร.ให้ทราบโดยเร็ว
โฆษก ตร. กล่าวเพิ่มเติมว่า “จากที่ปรากฎตามคลิป การอำนวยความสะดวกในขั้นตอนของตรวจคนเข้าเมือง ไม่สามารถดำเนินการได้ ส่วนการนำขบวนนั้น ตร.ได้มีการกำชับสั่งการปฏิบัติมาโดยตลอด ทั้งการดำเนินการตามกฎหมายจราจร และการดำเนินการตามมติ ครม. ตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนที่สุด ที่ นร 0205/ว189 ลง 2 ต.ค. 2545 แจ้งมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2544 เห็นชอบหลักเกณฑ์การใช้รถนำขบวนของตำรวจบุคคลสำคัญหรือนักการเมือง หรือการใช้รถนำขบวนรับรองแขกต่างประเทศในการเยือนประเทศไทยไว้ชัดเจน
ส่วนกรณีอื่นทั่วๆไป จะมีการนำขบวนได้นั้น ในเขต กทม. ให้ ผบก.จร. เป็นผู้มีอำนาจพิจารณาอนุญาต นอกเขต กทม. ให้ ผบก.ทล. เป็นผู้มีอำนาจพิจารณาอนุญาต โดยต้องพิจารณาถึงความจำเป็นที่ต้องใช้รถตำรวจนำขบวน เพื่อความปลอดภัยของขบวน หรือความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนตามความจำเป็นแก่กรณี เช่น รถนักเรียน ขบวนรถซึ่งเดินทางไปประกอบศาสนกิจหรือพิธีการต่างๆ หรือเป็นกรณีมีความจำเป็นเร่งด่วนของบุคคลผู้มีตำแหน่งหน้าที่ต่างๆ ในทางราชการ เพื่อเดินทางไปปฏิบัติภารกิจสำคัญของทางราชการ เท่านั้น
การขออนุญาตใช้รถตำรวจนำขบวน จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการพิจารณาหลักเกณฑ์อย่างเคร่งครัด มิใช่ให้ใครก็ได้ใช้สิทธิพิเศษเพื่อความสะดวกสบายส่วนตัว เพราะนอกจากจะส่งผลต่อความปลอดภัยบนท้องถนนแล้ว อาจสร้างภาพลักษณ์ไม่ดีในสายตาประชาชนได้
ดังนั้นหากการตรวจสอบข้อเท็จจริง ไม่ได้ดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ที่กำหนด จะมีการพิจารณาลงโทษตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

ในขณะเดียวกัน พล.ต.ท. สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (ผบช.ทท.) มอบหมายให้ พล.ต.ต. อภิชาติ สุริบุญญา โฆษกกองบัญชาการฯ ชี้แจงต่อสื่อมวลชนกรณีมีคลิปเผยแพร่ในลักษณะที่มีตำรวจจำนวนหนึ่งรวมตัวกันอำนวยความดูแลนักท่องเที่ยวต่างชาติในสนามบินและใช้ยานพาหนะตำรวจนำทางไปจนถึงโรงแรมที่พักนั้น

พล.ต.ต. อภิชาติฯ ชี้แจงว่า หลังจากที่เห็นคลิปดังกล่าว ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้สั่งการให้ตรวจสอบทันที ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวขอเรียนต่อสื่อมวลชน 1.) ทางกองบัญชาการฯ ยอมรับว่า มีข้าราชการตำรวจสังกัดตำรวจท่องเที่ยวจำนวน 1 ราย ปรากฏอยู่ในคลิปดังกล่าว โดยทราบภายหลังว่าเป็น ร.ต.อ. สมพล ภิญโญสโมสร ตำแหน่ง รองสารวัตร กองกำกับการ 3 (รับผิดชอบสนามบินสุวรรณภูมิ) สังกัดกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1, 2.) เหตุการณ์ในคลิป เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 19 ม.ค.2566 เวลาประมาณ 22:00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สายการบินฮ่องกงแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ HX671 เดินทางเข้าไทยพอดี ซึ่งตรวจสอบในวันดังกล่าวแล้ว ทางกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวไม่มีได้มีการสั่งการใดๆ ให้ตำรวจท่องเที่ยวสุวรรณภูมิอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวรายใดเป็นกรณีพิเศษ
3.) นักท่องเที่ยวที่ปรากฏในคลิปนั้น ทางกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวทราบชื่อแล้ว (แต่ขออนุญาตไม่เอ่ยนาม) ซี่งนักท่องเที่ยวรายนี้เดินทางมาเที่ยวไทยพร้อมกับมารดา, 4.) ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้สั่งการแล้วให้กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 ต้นสังกัดของ ร.ต.อ.สมพลฯ ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยด่วนแล้วรีบรายงานให้ทราบ เพื่อที่กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวจะได้สนับสนุนข้อมูลให้จเรตำรวจแห่งชาติที่อาจตั้งคณะทำงานตรวจสอบ และจะได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงทราบ พร้อมทั้งกำชับให้กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 ต้นสังกัด ร.ต.อ.สมพลฯ ให้ความร่วมมือต่อหน่วยงานผู้บังคับบัญชาและหน่วยงานอื่นๆ ที่พร้อมตรวจสอบอย่างเต็มที่ ซึ่ง พล.ต.ต. ม.ล. สันธิกร วรวรรณ ผู้บังคับกองบังคับการท่องเที่ยว 1 ได้สั่งการให้ผู้กำกับการ 3 ต้นสังกัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามสั่งการแล้วตามหนังสือ บก.ทท.1 เลขที่ 0038.201/255 ลง 21 ม.ค.2566
5.) ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้น ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวสั่งกำชับให้ตรวจสอบจนเกิดความกระจ่างชัดด้วยว่า ตำรวจกลุ่มนี้ทำกันเป็นกระบวนการและใช้อำนาจหน้าที่ประพฤติปฏิบัติอย่างนี้มาหลายครั้งแล้วหรือไม่ โดยหากพบหลักฐานหรือข้อมูลอันเชื่อได้ว่าเป็นการกระทำเช่นนั้น จะได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงและพิจารณาโทษอย่างเด็ดขาดเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป เพราะถือว่า เป็นพฤติกรรมที่สร้างความเสื่อมเสียต่อกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวและสำนักงานตำรวจแห่งชาติในภาพรวมเป็นอย่างยิ่ง, 6.) โฆษกกองบัญชาการตำรวจตำรวจท่องเที่ยวกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า จากคลิปที่มีการเผยแพร่ผ่านสื่อออกมาครั้งนี้ ขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกแขนงและประชาชนที่ร่วมกันตรวจสอบและนำเสนอพฤติกรรมของข้าราชการตำรวจที่ไม่เหมาะสมอันนำไปสู่การตรวจสอบและการพิจารณาลงโทษข้าราชการตำรวจที่มีพฤติกรรมดังกล่าว ซึ่งเท่ากับว่า เป็นการทำให้การท่องเที่ยวของไทยโปร่งใส ตรวจสอบได้ และการอำนวยความสะดวกรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวนั้น จะต้องไม่ทำเฉพาะเจาะจงเพียงแค่นักท่องเที่ยวรายหนึ่งรายใดเท่านั้น แต่ต้องทำและดำเนินการให้เกิดความเท่าเทียมต่อนักท่องเที่ยวทั้งหมดทั้งชาวไทยและต่างประเทศ

7.) โฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวกล่าวอีกด้วยว่า ที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่และแข็งขัน จนสามารถช่วยเหลือนักท่องเที่ยวรอดพ้นจากอันตราย และหาทรัพย์สินสิ่งของสำคัญของนักท่องเที่ยวที่สูญหายหรือลืมไว้ในสถานที่หนึ่งที่ใดกลับคืนสู่นักท่องเที่ยวได้เกือบทุกกรณีและทุกสถานการณ์ ซึ่งทำให้ลำดับประสิทธิภาพการรักษาความปลอดภัยและสรรสร้างบรรยากาศความมั่นคงในรายงานการประชุมเศรษฐกิจโลกปี 2023 สูงขึ้นมาก อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ขอน้อมรับนำข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นไปปรับปรุงแก้ไข ลงโทษผู้ที่กระทำการไม่เหมาะสม และหามาตรการที่มีประสิทธิภาพป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นอีกต่อไป รวมทั้งจะพิจารณาคัดเลือกสรรบุคลากรที่มีคุณภาพมาปฏิบัติหน้าที่ในจุดที่อ่อนไหวต่อภาพลักษณ์ประเทศต่อไปด้วย, 8.) ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวนี้ หากมีความคืบหน้าเป็นประการใด ทางกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวจะได้เรียนแจ้งสื่อมวลชนให้ทราบเป็นระยะๆ ต่อไป

