วันที่ 1 ธันวาคม 2565 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองบัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า การตรวจค้นเครื่องบินของนายตู้ห่าววานนี้ ได้พบพยานหลักฐานซึ่งจะส่งให้สำนักนิติวิทยาศาสตร์ยืนยันผลเพื่อเป็นหลักฐานประกอบสำนวนคดีให้ศาลพิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถยึดอายัดทรัพย์สินของตู้ห่าวคนเดียวได้กว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งไม่รวมเครือข่ายอื่น ๆ เช่น นส.พัชรินทร์ และนายหลินหลง ซึ่งตำรวจจะออกหมายเรียกให้มาชี้แจงที่มาของทรัพย์ต่อไป ซึ่งทั้งคู่ยังคงหลบหนีอยู่ในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังต้องขยายผลตามเส้นทางการเงิน จากข้อมูลที่ว่ายังรเงินสดอยู่อีกจำนวนมาก ที่ตำรวจต้องตามอายัดให้ได้
ส่วนบุคคลที่เป็นนอมินีต้องมีการดำเนินคดี ซึ่งส่วนใหญ่คนเหล่านี้เป็นคนจีนที่มีการสวมบัตรประชาชนคนไทย โดยร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐ โดยขณะนี้การสืบสวนและสอยฝบสวนดำเนินไปมากกว่า 90% สามารถจับกุมผู้ต้องหาชาวจีนเครือจ่านได้แล้ว 102 ราย รวมถึงผู้ต้องหารายใหญ่ 4 ราย ยกเว้น นายหมิง ที่อยู่ระหว่างการหลบหนีไปยังต่างประเทศ ขณะนี้ออกหมายจับสากลแล้ว คาดว่าภายใน 3 สัปดาห์จะแล้วเสร็จ แต่ยังไม่สามารถส่งสำนวนไปยังอัยการได้
หลังจากดำเนินการเรื่อง ตู้ห่าว เรียบร้อยแล้วจะดำเนินการเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ไม่ว่าจะเป็น ตม. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลาดพร้าว, สน.ยานนาวา ซึ่งจะต้องนำมาดำเนินคดีทั้งหมด เพราะเป็นด่านหน้าในการเปิดช่องทางให้คนจีนเข้ามาในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย
ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าตำรวจทำตามข้อมูลของนายชูวิทย์นั้น ยืนยันว่า ไม่ได้ทำตามใบสั่งใคร และถือว่าเป็นเรื่องดีที่ออกมาเปิดเผย ซึ่งมีข้อมูลจากประชาชนเข้ามามากมาย
ด้านนาย ชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ กล่าวภายหลังเข้ายื่นเอกสารสำคัญเกี่ยวกับเส้นทางการเงินของนายตู้ห่าว ให้กับรอง ผบ.ตร. ว่า เพื่อตรวจสอบความเชื่อมโยงของขบวนการดังกล่าว พร้อมยืนยันว่า ข้อมูลเส้นทางการเงินนี้มีความแม่นยำ 100% สามารถบ่งชี้ว่านายตู้ห่าวมีความสัมพันธ์กับบุคคลใดบ้าง อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าที่ตนออกมาเปิดเผยข้อมูลไม่มีประโยชน์อะไรแอบแฝง เพียงแค่ต้องการให้ตำรวจดำเนินคดีคนจีนอย่างถึงที่สุด
