ข้อหาปลอมบัตรประชาชน ทั้งพบ รถหรู ของกลางอีกหลายรายการ สั่งเร่งสอบขยายผล
วันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 ที่อาคารให้เช่า ซึ่งเป็นที่ตั้งของสมาคมเกี่ยวกับการค้าแห่งหนึ่ง ย่านสุทธิสาร พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ด้านความมั่นคง (รอง ผบ.ตร.ม.ค.) เปิดเผยว่า ได้นำกำลังตำรวจตรวจคนเข้าเมืองบุกเข้าจับกุมนายเส้า เสี่ยวปอ สัญชาติจีน หลังตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับสวมบัตรประชาชนปลอมโดยคดีนี้ตำรวจได้ระดมกวาดล้าง และจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับและบุคคลเฝ้าระวัง ตามมาตรการรักษาความปลอดภัยช่วงการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค 2022 จนพบข้อมูลบัตรประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ที่มีหน้าตาตรงกับชาวต่างชาติ ที่ใช้พาสปอร์ต 2 เล่ม จึงเชื่อว่าเป็นการสวมบัตรประชาชน และได้นำกำลังเข้าจับกุม
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ อ้างว่า ไม่มีบัตรประชาชนที่เป็นการสวมรอยชื่อคนไทย ซึ่งเคยมีคนมาแนะนำให้ทำ แต่ว่าตนเองไม่ได้ทำ ส่วนที่อาคารนี้ก็ไม่ได้เดินทางมานานแล้ว เมื่อตำรวจซักถามว่า การเดินทางมาที่มีรถตำรวจเป็นรถนำ จัดหามาจากไหน ผู้ต้องหาตอบแค่ว่า เพื่อนแนะนำให้
ด้าน พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(รอง ผบช.สตม.) กล่าวว่า ผู้ต้องหาอ้างว่าจะเข้ามาทำธุรกิจในไทย จึงเข้าร่วมสมาคมดังกล่าว 3-4 ปีแล้ว แต่ยังไม่ทันจะได้เริ่มธุรกิจ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าผู้ต้องหามีความเกี่ยวข้องหรือดำรงตำแหน่งใดในสมาคม โดยจะต้องมีการตรวจสอบรายชื่อกับทางสมาคมอีกครั้ง
นอกจากนี้ในการตรวจค้น ยังพบชุดลักษณะคล้ายเครื่องแบบทหาร ที่มีเข็มกลัดชื่อของผู้ต้องหา รวมถึงรถของผู้ต้องหาก็เป็นรถติดธงประจำประเทศทั้ง 2 ฝั่ง คล้ายกับรถของสถานทูต และยังมีรถตำรวจนำขบวนอีก 1 คัน ซึ่งหลังรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตรวจสอบทะเบียนด้วยสายตาแล้ว คาดว่าเป็นทะเบียนรถปกติ ไม่ใช่รถของสถานทูตแต่อย่างใด จึงเชื่อว่าเป็นการพยายามทำให้ดูเหมือนรถของสถานทูตเท่านั้น ส่วนรถตำรวจก็น่าจะเป็นรถปลอม นอกจากนี้ยังพบอาวุธปืนตั้งโชว์ตามโถงทางเดินอีก 6 กระบอก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นปืนบีบีกัน
ดังนั้นเบื้องต้นตำรวจจะดำเนินคดีตามหมายจับ ข้อหาแจ้งความเท็จฯ และปลอมบัตรประชาชน และหลังจากนี้ตำรวจจะขยายผลตรวจสอบของที่พบทั้งหมด สั่งตรวจสอบให้ขยายผล หากพบว่าเข้าข่ายความผิดเพิ่มเติม ก็จะมีการแจ้งข้อหาภายหลัง