เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2565 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.เปิดเผยว่า ด้วยปัญหายาเสพติดในประเทศไทยมีสถานการณ์หน้าที่เป็นห่วง ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องการให้แสวงหาความร่วมมือระหว่างประเทศ จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศอปส.ตร.)ไปพบปะหารือกับ พลตำรวจจัตวา วิน หน่าย เลขาธิการร่วมคณะกรรมการร่วม คณะกรรมการกลางเพื่อการควบคุมยาเสพติด และผู้บัญชาการสำนักปราบปรามยาเสพติด ประเทศเมียนมาร์ และคณะ ณ. เมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์ เมื่อวันที่ 29 ต.ค.65 ประเด็นในการ หารือ 2 ประเด็น
ประเด็นแรก เรื่องสารตั้งต้น เนื่องจากมีการส่งสารตั้งต้นจำนวนมากซึ่งทางไทยได้รวบรวมสถิติไว้ ผ่านจากประเทศไทยเข้าประเทศเมียนมาร์ สารตั้งต้นนี้สามารถนำไปผลิตยาเสพติดประเภทยาไอซ์ และยาบ้า มีการอ้างอิงว่าสารตั้งต้นนี้นำไปใช้ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ทองคำ ซึ่งมีข้อมูลแน่ชัดว่าสารตั้งต้นนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ในการผลิตยาเสพติด เช่นสารตั้งต้นชื่อ โซเดียม ไซยาไนด์ น้ำหนัก 1 ตัน สามารถผลิตยาบ้าได้ 20 ล้านเม็ด หรือยาบ้าได้ 600 กิโลกรัม ระยะ 4 ปี ที่ผ่านมาได้มีการเก็บสถิติการส่งออกสารตั้งต้นประเภทนี้ ผ่านประเทศไทย ปลายทางประเทศเมียนมาร์พบว่ามีจำนวนหลายเมตริกตัน
ทางคณะเจรจาหารือทางฝ่ายเมียนมาร์ ได้ขอบคุณฝ่ายไทยที่ได้ให้ข้อมูล ถ้าไม่มีสารตั้งต้นก็ไม่สามารถผลิตยาเสพติดได้ นอกจากสารโซเดียม ไซยาไนด์ สารตั้งต้นที่น่าสนใจอีกประเภทใช้เกี่ยวกับยาเสพติดคือ คาเฟอีน โดยหน่วยปราบปรามยาเสพติดได้ให้ความสำคัญในการติดตามการใช้สารตั้งต้นทุกประเภทเพื่อป้องกันการใช้ผิดวัตถุประสงค์ ปัจจุบันมีการควบคุมสารเคมีประมาณ 39 ประเภท และทางเมียนมาร์ได้มีการควบคุม โดยให้มีการขออนุญาตก่อนนำเข้า มีการควบคุมจำนวนการใช้ของสารตั้งต้นและจำนวนคงเหลือ จากการแลกเปลี่ยนข้อมูลบริษัทที่เกี่ยวข้องในการนำเข้าสารตั้งต้นเป็นข้อมูลเดียวกันระหว่างไทยและเมียนมาร์ ซึ่งจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างต่อเนื่องเพื่อการป้องกันปราบปรามการนำสารตั้งต้นไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ต่อไป
ประเด็นหารือที่ 2 การขอความร่วมมือจับกุมผู้ต้องหา ตามหมายจับคดียาเสพติด ของทางการไทย ผบ.ตร. ขอความร่วมมือ ทางการเมียนมาร์ จับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดกฎหมายยาเสพติดฝั่งไทย แล้วหลบหนีมาซ่อนตัวอยู่ในฝั่งเมียนมาร์, ทางการเมียนมาร์ยินดีให้ความร่วมมือ จึงได้ส่งหมายจับและตำหนิรูปพรรณผู้ต้องหาคดียาเสพติด ที่สืบทราบว่ามาซุกซ่อนตัว เพื่อให้ทางการเมียนมาร์ ดำเนินการจับกุมส่งทางการไทยรับตัวไปดำเนินคดี, ข้อจำกัด ฝ่ายเมียนมาร์ ผู้ต้องหาส่วนใหญ่กระทำผิดทั้งสองฝั่ง ต้องดำเนินคดีฝั่งพม่าก่อนส่งให้ทางการไทย และมีการหลบหนีไปซุกซ่อนตัวกับชนกลุ่มน้อยตามแนวชายแดน, ที่ผ่านมา ทางการเมียนมาร์ได้เคยจับกุมให้ทางการไทยมาโดยตลอด และจะทำการจับกุมให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาการบังคับใช้กฎหมาย เมื่อมีกระทำความผิดแล้วหลบหนีข้ามแดนต่อ
ด้าน พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า จะเร่งรัดการแก้ไขปัญหายาเสพติดทั้งเชิงรุก และเชิงรับ ตลอดจนการประสานความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิด เป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการแก้ปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง และ นโยบาย 10 ข้อของพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. อย่างเป็นรูปธรรม