ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. และ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบช.ทท. นายพีระพัฒน์ อิงพงษ์พันธุ์ ผอ.กองคดี1 ในฐานะรองโฆษก สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจและตัวแทนธนาคารต่างๆ แถลงข่าวมาตราการคืนเงินที่อายัดได้ให้กับประชาชนครั้งที่ 16 จำนวน 5 ราย รวมเงินกว่า 467,359 บาท หลังถูกแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ โทรศัพท์หลอกลวงเป็นบุคคลอื่นให้หลงเชื่อเพื่อโอนเงินให้ โดยมีผู้เสียหายจำนวนมากหลงเชื่อ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ส่งมอบเงินของผู้เสียหายแล้ว จำนวน 77 ราย ส่งมอบเงินคืนผู้เสียหายไปแล้วทั้งสิ้น 82 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 12 ล้านบาท
พล.ต.อ.ธนิตศักดิ์ กล่าวว่า ผู้เสียหายส่วนใหญ่ที่สามารถอายัดเงินได้ทัน จะรู้ตัวว่าถูกคนร้ายแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์หลอกลวงในระยะเวลาประมาณ 15-30 นาที จึงรีบโทรเข้าไปแจ้งที่สายด่วน 1710 และทางธนาคารเจ้าของบัญชี เพื่อให้อายัดเงิน แต่หากใช้เวลามากกว่านั้นเงินบางส่วนไปอาจถูกคนร้ายถอนออกไปได้
ด้าน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตำรวจไทยร่วมกับตำรวจไต้หวัน ได้ประสานความร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องส่งข้อมูลข่าวสารสำคัญ เบาะแส คนร้ายมาโดยตลอด ยอมรับว่าประเทศไต้หวันคือฐานปฏิบัติการใหญ่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีจุดกำเนิด มีคีย์แมน มีขบวนการ เพราะไต้หวันมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี สำหรับคนร้ายชาวไต้หวันตำรวจจับไปแล้วกว่า 40-50 ราย หัวหน้าขบวนการใหญ่มีการจับกุมแล้ว ที่เหลือคือเครือข่ายที่ต้องติดตามจับกุมต่อไป
ด้าน นายพีระพัฒน์ กล่าวว่า แก็งคอลเซ็นเตอร์เริ่มรวมตัวกันกลับเข้ามาก่อเหตุตั้งแต่เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา มีผู้เสียหาย 10-20 ราย มูลค่าเสียหายกว่า 10 ล้านบาท โดยให้เหยื่อไปเปิดบัญชีใหม่และปิดบัญชีเก่า ก่อนจะให้โอนเงินเข้าบัญชีใหม่ที่ตัวเองเปิด เนื่องจากไม่มีคนไทยรับจ้างเปิดบัญชีแล้ว ซึ่งคนร้ายจะไปกดเงินที่ต่างประเทศ
สำหรับสถิติการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตั้งแต่วันที่ 8 ธ.ค.2560 ถึงปัจจุบัน มีคดีเกิดขึ้น 445 คดี มูลค่าความเสียหายกว่า 235 ล้านบาท และในจำนวนนี้สามารถอายัดเงินของผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงจากคนร้ายแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์คืนให้แก่ผู้เสียหายได้จำนวน 85 คน เป็นเงินกว่า 36 ล้านบาท