หน้าแรกทั่วไทยยกระดับพืชกระท่อม เสริมเศรษฐกิจชาติ

ยกระดับพืชกระท่อม เสริมเศรษฐกิจชาติ

วช.จับมือ 7 หน่วยงานภาครัฐและเอกชนหนุนพืชกระท่อมเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ พร้อมเดินหน้ายกระดับอย่างครบวงจร

ที่ห้องประชุมเกาะเสม็ด ศาลากลางจังหวัดชุมพรสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับ จังหวัดชุมพร สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) กรมส่งเสริมการเกษตร กรมวิชาการเกษตร บริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เกษตรศิวิไลซ์ จำกัด จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เรื่อง “การส่งเสริมและยกระดับการผลิตกระท่อมสู่พืชเศรษฐกิจอย่างครบวงจร” เพื่อให้พืชกระท่อมเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่จะสร้างรายได้ให้เกษตรกรไทยและส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ โดยนายโชตินรินทร์ เกิดสม ผวจ.ชุมพร ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผอ.สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ นายพีระ กาญจนพงศ์ ผอ.ป.ป.ส.ภาค 8 ผศ.ดร.วศิน สุวรรณรัตน์ รองอธิการบดีวิทยาเขตหาดใหญ่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ นายธีระศักดิ์ ยมสวัสดิ์ เกษตรจังหวัดชุมพร นายสมชาย มณีโชติ เจ้าพนักงานการเกษตรชำนาญงาน กรมวิชาการเกษตร ดร.ตฤณวรรธน์ ธนิตนิธิพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา จำกัด (มหาชน) และนายพีรธัช สุขพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เกษตรศิวิไลซ์ จำกัด ร่วมลงนามฯ โดยมี ผู้ทรงคุณวุฒิ วช. และสื่อมวลชนร่วมเป็นสักขีพยานในพิธี

นายโชตินรินทร์ เปิดเผยว่า มีความยินดีที่ วช. และ มอ. เล็งเห็นว่าจ.ชุมพรมีศักยภาพที่เหมาะสมในการปลูกพืชกระท่อม ซึ่งหากมีการส่งเสริมการปลูกและใช้ประโยชน์อย่างต่อเนื่อง คาดพืชกระท่อมจะเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ ที่สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรในจ.ชุมพร ซึ่งสอดคล้องกับจุดประสงค์ของรัฐบาลที่จะผลักดันให้พืชกระท่อมเป็นพืชเศรษฐกิจ เพื่อสร้างรายได้ให้เกษตรกรไทย และช่วยเสริมเศรษฐกิจของประเทศ แต่ปัจจุบันเกษตรกรยังขาดองค์ความรู้ด้านการปลูกพืชกระท่อม การดูแลรักษา มาตรฐานพืชกระท่อม การใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ โอกาสของกระท่อมไทยในตลาดโลก รวมถึงนโยบายและกฎหมายที่เกี่ยวกับพืชกระท่อม ตลอดจนการแปรรูป ซึ่งจะทำให้ผลผลิตพืชกระท่อมมีมูลค่าเพิ่มขึ้น จึงจำเป็นต้องนำสถาบันการศึกษา องค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน เข้ามามีบทบาทร่วมกันเพื่อวิจัย ส่งเสริมเทคโนโลยีที่เหมาะสมต่อการผลิตพืชกระท่อม จ.ชุมพรยินดีที่หน่วยงานต่าง ๆ เห็นความสำคัญ และเลือกพื้นที่อ.เมืองชุมพร อ.ทุ่งตะโก และอ.พะโต๊ะ เพื่อพัฒนาเป็นแหล่งวัตถุดิบต้นน้ำของอุตสาหกรรมพืชกระท่อมที่มีคุณภาพ มีการรับรองตามมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี ให้ได้ผลิตผลที่มีคุณภาพ ปลอดภัย เพื่อให้ พืชกระท่อมเป็นพืชเศรษฐกิจ ตัวใหม่ที่จะสร้างรายได้ให้เกษตรกร และส่งเสริมเศรษฐกิจในระดับประเทศได้ต่อไป

ด้านดร.วิภารัตน์ กล่าวว่า วช.ได้สนับสนุนงบประมาณให้กับ มอ.ตั้งแต่ปี 64 เพื่อดำเนินโครงการ “การประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สมุนไพรจากพืชกระท่อมเพื่อสุขภาพ” โดยเน้นด้านสุขภาพ ความเชื่อมั่น และองค์ความรู้ เพื่อให้เห็นคุณประโยชน์ โดยวช. มอบให้ ผศ.นพ.วรวิทย์ วาณิชย์สุวรรณ ผอ.สถาบันวิจัยและนวัตกรรมทางการแพทย์ มอ. เป็นหัวหน้าโครงการวิจัย เพื่อมุ่งเน้นให้เกิดองค์ความรู้ด้านคุณภาพ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สมุนไพรจากสารสกัดพืชกระท่อม และใช้เป็นฐานข้อมูลในการผลักดันพืชกระท่อมที่มีมาตรฐาน รวมทั้งสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ที่มีไปสู่ชุมชนและยกระดับเศรษฐกิจฐานรากได้ ในปี 65 ซึ่ง วช. ได้สนับสนุนงบประมาณต่อเนื่องเพื่อมุ่งหวังที่จะขับเคลื่อนการต่อยอด และขยายผล องค์ความรู้ งานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมไปใช้จริงและเกิดประโยชน์โดยตรงกับชุมชนในการพัฒนายกระดับกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานและตรงกับความต้องการของตลาด เกิดผลสัมฤทธิ์ในการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์อย่างครบวงจร อันจะนำไปสู่การสร้างรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน ชุมชน และเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่เป้าหมายอย่างยั่งยืน ตลอดจนผลักดันให้เกิดการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ต่อไป

“เรื่องของการยกระดับ การวางมาตรฐาน สิ่งต่างๆ ในการสร้างตลาด สิ่งเหล่านี้ ผวจ.ชุมพร ได้กล่าวถึงยุทธศาสตร์สำคัญ 5 เรื่อง ฉายให้เห็นเศรษฐกิจ 5 ด้าน ในเรื่องของแผนการเกษตร เน้นในเรื่องการสร้างมูลค่าและความปลอดภัย ยังมองไปถึงการสร้างมูลค่าเมืองท่องเที่ยวและเมืองน่าอยู่ คนสังคมคุณภาพ สิ่งเหล่านี้เชื่อมโยงในมิติการทำงานของเรื่องพืชกระท่อม”

ขณะที่ ผศ.นพ.วรวิทย์ กล่าวว่า โครงการ ผลิตภัณฑ์สมุนไพรจากพืชกระท่อมเพื่อสุขภาพที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัย เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากที่ได้รับการสนับสนุน จาก วช. เป็นการส่งเสริมให้ปลูกพืชสมุนไพร (กระท่อม) ที่ถูกต้องตามมาตรฐานแก่เกษตรกร และส่งเสริมการปลูกในระดับมาตรฐานการปลูกเพื่อใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ อาหารและยา โดยการนำ 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ เครื่องดื่มเข้มข้นจากสารสกัดใบกระท่อมกลิ่นกาแฟ เพื่อส่งเสริมสุขภาพทำให้ร่างกายสดชื่น แคปซูลผงแกรนูลจากสารสกัดใบกระท่อม เพื่อใช้เป็นผลิตภัณฑ์ควบคุมน้ำตาลในเลือด และตำรับครีมเพื่อใช้บรรเทาอาการปวดข้อเข่า โดยขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์และนำไปทดลองตลาด รวมทั้งผลักดันให้เกิดชุมชนต้นแบบในการเตรียมแปลงปลูกพืชกระท่อมที่มีมาตรฐานอย่างน้อย 1 ชุมชนต้นแบบ ทั้งด้านการเพาะปลูกตามระบบ GAP การเก็บเกี่ยวผลผลิต การขนส่งผลผลิตมาสู่โรงงานอุตสาหกรรม ขยายผลต่อในด้านการตลาดโดยมีเอกชนเป็นผู้รับผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมไปใช้พัฒนาต่อยอดในเชิงพาณิชย์ รวมถึงการประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจของผลิตภัณฑ์สมุนไพรพืชกระท่อมเพื่อสุขภาพ.

ลักษณะศักดิ์ โรหิตาจล ข่าว/ภาพ

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img