
วันที่ 23 เมษายน 2565 ที่ สน.หัวหมาก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ฯ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ รอง ผอ.ศพดส.ตร. เปิดเผยว่า จากกรณีที่เมื่อวันที่ 1 เม.ย.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หัวหมาก ได้รับแจ้งเหตุ นางสาวเอ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี สัญชาติเมียนมา ถูกคนขับรถแท็กซี่อ้างชื่อคนอื่นหลอกว่าจะพาไปสมัครงาน ก่อนพาเข้าม่านรูดและข่มขืนกระทำชำเรา หลังก่อเหตุคนขับแท็กซี่ดังกล่าวพาไปส่งตำรวจเพื่อแจ้งจับกุมข้อหาหลบหนีเข้าเมือง เรื่องนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) และ ผอ.ศพดส.ตร. ได้สั่งการให้ ดำเนินการสืบสวนจับกุมผู้ก่อเหตุดังกล่าวโดยเร่งด่วน ตนได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ ศพดส.ตร. ดำเนินการสืบสวนสอบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หัวหมาก ซึ่งการสอบสวนผู้เสียหายร่วมกับเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ และล่ามแปลภาษา ทราบว่า ผู้ก่อเหตุรายนี้ คือ นายอดิเรก แซ่แบ๊ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 หมู่ 10 ต.วังหิน อ.วังโป่ง จ.เพชรบูรณ์ มีพฤติการณ์ในคดี คือ ก่อนเกิดเหตุประมาณเดือนมีนาคม 2565 ผู้เสียหาย ได้ให้น้าสาว ซึ่งพูดและอ่านภาษาไทยได้ ช่วยโพสต์หางานผ่านทางเฟซบุ๊ก ต่อมา นายอดิเรก แซ่แบ๊ ผู้ต้องหา ซึ่งใช้ใบหน้าและชื่อของผู้อื่นทักเข้าไปว่าต้องการรับเข้าทำงาน และจะให้รถแท็กซี่ไปรับผู้เสียหาย กระทั่ง น้าสาวของผู้เสียหายหลงเชื่อ

ต่อมา วันที่ 1 เมษายน 2565 นายอดิเรก ผู้ต้องหา ขับรถแท็กซี่สีชมพู ทะเบียน ทฬ 8744 กรุงเทพมหานคร มารับผู้เสียหายจากที่พัก โดยหลอกว่าจะพาไปพบนายจ้าง น้าสาว ได้ให้ผู้เสียหายขึ้นรถไปเพียงลำพัง แทนที่ผู้ต้องหาจะพาไปพบนายจ้างตามที่กล่าวอ้าง แต่กลับพาออกไปที่โรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งในซอยอินทมาระ 31 อ้างว่า พาไปตรวจ ATK และบอกให้ผู้เสียหายพักรออยู่ภายในห้องในห้องพักโรงแรมดังกล่าว จากนั้นนายอดิเรก ผู้ต้องหา ขับรถแท็กซี่ออกจากโรงแรมไป และกลับมาอีกครั้ง เวลาประมาณ 21.30 น. โดยจับผู้เสียหายใส่กุญแจมือและข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย 3 ครั้ง พร้อมกับทำการถ่ายภาพขณะข่มขืนกระทำชำเราเหยื่อเก็บไว้ในโทรศัพท์มือถือ และยังได้ลักเอาโทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่องและเงินสด 500 บาทของผู้เสียหายไปอีกด้วย หลังจากก่อเหตุดังกล่าว นายอดิเรก ได้ขับรถพาผู้เสียหายไปส่งที่ สน.คลองตัน โดยแจ้งตำรวจให้จับกุมตัวผู้เสียหาย เนื่องจากเป็นบุคคลต่างด้าวที่ไม่พกพาหนังสือเดินทาง ก่อนขับรถออกไป เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คลองตัน ได้จัดหาล่ามแปลภาษามาและสอบถามจากผู้เสียหายเบื้องต้น จึงได้ทราบว่า ผู้เสียหายถูกนายอดิเรกฯ หลอกไปข่มขืนก่อนมาส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น และได้พาไปแจ้งความที่ สน.หัวหมาก ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบดังกล่าว ต่อมา เมื่อวันที่ 8 เม.ย.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศพดส.ตร. ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หัวหมาก ได้นำหมายจับศาลอาญาที่ 685/2565 ลงวันที่ 8 เม.ย.65 เข้าทำการจับกุมนายอดิเรก แซ่เบ๊ ได้บริเวณแขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ โดยจะดำเนินคดีในความผิดฐาน “พรากผู้เยาว์อายุเกินกว่า สิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี ไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลโดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วยเพื่อการอนาจาร, ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญ ด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ และได้กระทำโดยให้ผู้ถูกกระทำเข้าใจว่าผู้กระทำมีอาวุธปืน, หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย, ชิงทรัพย์โดยมีอาวุธในเวลากลางคืน, ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น, มีเครื่องวิทยุคมนาคมไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยมีอัตราโทษสูงสุดจำคุกตั้งแต่เจ็ดปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนสี่หมื่นบาทถึงสี่แสนบาท
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า นายอดิเรก ผู้ต้องหารายนี้ มีพฤติการณ์ในการหลอกลวงผู้หญิงที่เป็นบุคคลต่างด้าวที่มีหนังสือเดินทาง โดยอ้างว่า สามารถพาไปทำงานได้ ก่อนจะหลอกพาเข้าโรงแรมอ้างว่าเพื่อตรวจ ATK และให้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะใช้โทรศัพท์มือถือแอบถ่ายหรือกระทำอนาจาร และจากการสืบสวนเชื่อว่ายังมีผู้เสียหายอีกเป็นจำนวนมาก ขณะนี้อยู่ในระหว่างการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติมอีก

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า “ในคดีนี้คนร้ายถือโอกาสที่เหยื่อเป็นบุคคลต่างด้าวที่ต้องการหางานทำ หลอกลวงว่าจะพาเหยื่อไปสมัครงานก่อนจะพาเข้าโรงแรมไปข่มขืนโดยโดยการใส่กุญแจมือ ซึ่งผู้เสียหายเองยังเป็นเยาวชนและมีข้อจำกัดทางภาษา ประกอบกับผู้ปกครองซึ่งเป็นน้าสาวของผู้เสียหายหลงเชื่อผู้ต้องหา จึงปล่อยให้ผู้เสียหายขึ้นรถไปด้วย จึงอยากจะขอเตือนไปยังพี่น้องประชาชน เกี่ยวกับการช่วยกันดูแลบุตรหลานของตน มิให้ตกเป็นเหยื่อจากการล่วงละเมิดทางเพศ ระมัดระวังในการมอบความดูแลเด็กและเยาวชนให้กับบุคคลอื่น เพื่อมิให้เกิดเหตุสะเทือนใจเช่นนี้อีก รวมทั้งการหางานผ่านสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก
เนื่องจากมีการหลอกลวงหลายรูปแบบที่มีตัวอย่างเกิดขึ้นให้เห็นเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการหลอกลวงแอบอ้างบุคคลอื่นแล้วพาผู้เสียหายไปกระทำอนาจาร หรือการหลอกลวงไปทำงานผิดกฎหมายในต่างประเทศ จึงอยากจะขอให้มีการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบุคคลที่รับสมัครงานอย่างถี่ถ้วน เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อพวกมิจฉาชีพที่ฉวยโอกาสหลอกลวงสร้างความเสียหายให้กับประชาชน”

ในการนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอความร่วมมือพี่น้องสื่อมวลชน ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน ได้ทราบถึงการดำเนินการและการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก หากประชาชนพบเห็นการกระทำผิดในลักษณะดังกล่าว สามารถแจ้งข้อมูลมายัง ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) โดยตรง ช่องทางสายด่วน 1599 หรือ www.humantrafficking.police.go.th หรือ ผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/TICAC2016 หรือ LineOA: @HUMANTRAFFICKTH หรือ TWITTER: @safe_dek หรือช่องทางใหม่ล่าสุดคือ การสแกน QRCODE เพื่อกรอกแบบฟอร์มในการแจ้งเหตุและเบาะแสการกระทำผิดดังกล่าวเพื่อแจ้งเบาะแสในการปราบปรามการกระทำผิดต่อไป”รอง ผอ.ศพดส.ตร. กล่าว”

