
วันที่ 31 มีนาคม 2565 ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า พล.ต.ต.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบก.ปพ., พ.ต.อ.ศิววงศ์ ดำรงสัจจ์ศิริ ผกก.3 บก.ปพ., พ.ต.ท.ปริญญา เอิบอาบ รอง ผกก.3 บก.ปพ., พ.ต.ต.ณัฏฐ์พัฒน์ ทองยอดแก้ว สว.กก.3 บก.ปพ. พร้อมเจ้าหน้าที่ กก.3 บก.ปพ. เข้าจับกุมนายวินัย (สงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี ชาว จ.ชัยภูมิ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดภูเขียว ที่ 75/2564 ลงวันที่ 26 มี.ค.2564 ในข้อหา “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ, เสพเมทแอมแฟตามีน” และ หมายเลขคดี ที่ 149/2564 ลงวันที่ 27 ธ.ค. 2564 ในข้อหา “ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และร่วมกันยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดในเมืองหรือในที่ชุมชน” และนายรุ่งชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี ชาว จ.ลพบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดภูเขียว เลขที่ 61/2564 ลงวันที่ 12 มี.ค.2564 ในข้อหา “มียาไอซ์ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน, พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยจับกุมได้ที่ ริมถนนสาธารณะ แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อ วันที่ 20 ก.ค.64 นายวินัย และนายณัฐรนัย (สงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นคู่อริ ได้มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันมาก่อนหน้านี้ จากนั้นก็มีการท้าทายผ่านเฟซบุ๊ก ก่อนจะนัดมาเจอกันเพื่อสะสางปัญหา ที่บริเวณถนนสาย 201 ต.หนองไผ่ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ โดยในวันดังกล่าวนายวินัย เดินทางมากับเพื่อนอีก 1 คน กระทั่งเกิดการชกต่อยและชุลมุนขึ้น นายวินัยจึงได้ใช้อาวุธปืนพกสั้นที่ติดตัวมา กระหน่ำยิงใส่นายณัฐรนัย 6 นัด แต่กระสุนถูกคู่กรณีเข้าที่หน้าท้องจนได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้นนายวินัยได้ทิ้งอาวุธไว้ในจุดเกิดเหตุก่อนที่เพื่อนจะพาขี่รถหลบหนีไป
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและทราบตัวผู้กระทำผิด จึงรวบรวมพยานหลักฐานก่อนขออนุมัติหมายจับนายวินัยในที่สุด และได้ติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีอย่างต่อเนื่องกระทั่งสืบทราบว่า นายวินัยหลบหนีมากบดานอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยมาอาศัยร่วมกับนายรุ่งชัย ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าจับกุมตัวเอาไว้ได้
เบื้องต้นนายวินัย ให้การรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับดังกล่าวจริง ส่วนปมเหตุมาจากเรื่องเกี่ยวกับยาเสพติด ตำรวจจึงได้นำตัวทั้งสองคนส่งศาลจังหวัดภูเขียว จ.ชัยภูมิ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

