หน้าแรกเศรษฐกิจ-การเงินภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย

ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย

ตลาดหุ้นไทยได้แรงซื้อสุทธิ จากนักลงทุนต่างชาติ 1,608.97 ล้านบาท ดันดัชนีบวก 9.03 จุด ทำให้ ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ (29 มี.ค. 64) ที่ระดับ 1,583.89 จุด เพิ่มขึ้น +0.57% มูลค่าการซื้อขาย 71,308.38 ล้านบาท

นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ ปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ ส่วนตลาดในยุโรปก็บวกเล็กน้อย ขณะที่ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สติดลบราว 170 จุด ทั้งนี้ ตลาดบ้านเราได้รับแรงหนุนจากการทำ Winddow Dressing ก่อนปิดงบฯ ไตรมาส 1/64 แต่วอลุ่มเทรดโดยรวมยังไม่มาก ดังนั้นการเด้งรอบนี้จึงไม่แข็งแกร่ง

นอกจากนี้ ตลาดฯ ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้นด้วย ทำให้มีการเล่นเก็งกำไรหุ้นเป็นรายตัวตามปัจจัยเฉพาะตัว ขณะเดียวกันต่างก็ยังต้องติดตาม PMI ภาคการผลิตของทั้งยุโรป และสหรัฐฯ รวมถึงติดตามการประชุมกลุ่มโอเปกในสัปดาห์นี้ และส่วนปัจจัยในประเทศให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจรายเดือนที่แบงก์ชาติจะประกาศออกมาในวันที่ 31 มีนาคม 2564 นี้

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (30 มี.ค.) นายชัยยศ กล่าวว่า ตลาดฯ คงจะยังเคลื่อนไหวในแดนบวกได้ โดยมีแนวรับ 1,570 จุด ส่วนแนวต้าน 1,600 จุด

ขณะที่ กระทวงการคลัง เล็งปรับ GDP ปี 64 เพิ่มจาก 2.8% หลังแนวโน้มเศรษฐกิจไทยส่อแววสดใสขึ้น

นายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังจะปรับประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยปี 2564 ใหม่ในเดือนเมษายนนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริง จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 2.8% เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มดีขึ้น ทั้งจากการส่งออก การนำเข้าสินค้าทุน และการลงทุน รวมถึงการใช้จ่ายภายในประเทศที่ได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของรัฐ ซึ่งเป็นตัวช่วยพยุงการใช้จ่ายภายในประเทศได้เป็นอย่างดี โดยจะต้องมีการพิจารณาเครื่องชี้เศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องทั้งหมดประกอบด้วย

สำหรับเป้าหมาย GDP ในปี 2564 ที่ 4% ของรัฐบาลนั้น ยอมรับว่า เป็นตัวเลขที่เติบโตค่อนข้างก้าวกระโดดจากคาดการณ์ในปัจจุบัน แต่ไม่ได้บอกว่าจะเป็นไปไม่ได้ คงต้องพิจารณาหลายปัจจัยประกอบด้วย อาทิ ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติ ภาพรวมการส่งออก ทิศทางการใช้จ่ายและการลงทุน ซึ่งหากมีแนวโน้มขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้ตัวเลขเศรษฐกิจในปีนี้เติบโตได้แข็งแกร่ง

“ต้องดูในหลายปัจจัยประกอบ ทั้งในมุมของมาตรการด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ปัจจุบันคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น การกระจายวัคซีนที่ทำได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพใหญ่ ทั้งหมดมีผลกับการเชื่อมั่นต่าง ๆ รวมถึงการเบิกจ่าย พ.ร.ก.กู้เงินฉุกเฉิน วงเงิน 1 ล้านล้านบาท ที่คาดว่าจะเบิกจ่ายได้เต็มจำนวน ไม่ติดขัด รวมถึงการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปกติ ขณะที่มาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วงเงิน 3.5 แสนล้านบาทนั้น จะเอื้อให้ภาคธุรกิจเข้าถึงสินเชื่อและจะส่งผลให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ รักษาการจ้างงาน เป็นการช่วยเศรษฐกิจทางอ้อม” นายวุฒิพงศ์ กล่าว

สิริวรรณ ลีลาประกอบชัย : ภาพ/เรื่อง

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img