วันที่ 18 มีนาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงาน จากกรณีนายซูริก์ฟัต หรือ บังฟัต บ้านนบวงศ์สกุล อายุ 41 ปี พร้อมกับพวกรวม 8 คน ร่วมกันก่อเหตุสังหารโหด นายวรยุทธ หรือ ผู้ใหญ่บัติ สังหลัง อายุ 46 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ พร้อมครอบครัวและญาติๆ รวม 8 ศพ เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 14/3 หมู่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก เมื่อวันที่ 9 ต่อเนื่องวันที่ 10 มีนาคม 2560 คดีดังกล่าวสร้างความสะเทือนขวัญแก่ประชาชนเป็นอย่างมาก หลังเกิดเหตุได้ 5 วัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ทั้ง 8 คน ประกอบด้วย นายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์กุล หรือบังฟัต อายุ 41 ปี, นายคมสรรค์ เวียงนนท์ (ม่อน) อายุ 36 ปี, นายอับดุลเลาะ ดอเลาะ (เลาะห์) อายุ 30 ปี, นายอรุณ ทองคำ (กี้ร์) อายุ 29 ปี, นายประจักษ์ บุญทอย (จักร์) อายุ 36 ปี, นายธนชัย จำนอง (โกบ) อายุ 41 ปี, นายธวัฒชัย บุญคง (ชัย) อายุ 37 ปี และ น.ส.ชลิดา สังข์โชติ อายุ 41 ปี ภรรยานายชูริก์ฟัต

ต่อมา เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2562 ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้ประหารชีวิต จำเลยที่ 1-7 โดยศาลให้ความเห็นว่า การกระทำของจำเลยทั้ง 7 คน เป็นการกระทำที่อุกอาจ ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง และเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลอื่น ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ญาติผู้เสียชีวิตทุกคน
ทนาย จำเลย ได้ยื่นฎีกา ส่วนจำเลยที่ 8 คือ น.ส.ชลิดา สังข์โชติ ภรรยานายชูริก์ฟัต ถูกตัดสินจำคุก 12 เดือน และได้รับโทษครบกำหนดไปก่อนหน้านี้แล้ว สำหรับความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 10. 30 น. วันนี้ (18 มี.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 8 ศาลจังหวัดกระบี่ ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาผ่าน Video Conference จากศาลจังหวัดกระบี่ ไปยังจำเลย 7 คน ที่ถูกคุมขังในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช โดยในวันนี้ทางญาติผู้เสียชีวิตได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาที่ศาลจังหวัดกระบี่ด้วย แต่ศาลไม่ได้อนุญาตให้เข้าร่วมรับฟังคำพิพากษาในห้องพิจารณาคดี โดยศาลได้นัดแยกให้มาฟังคำพิพากษาอีกครั้งในวันที่ 24 เมษายน 2564 นี้ จึงต้องรอติดตามผลด้านนอกอาคารศาลจังหวัดกระบี่
ซึ่งผลการพิจารณาคดี ศาลฎีกาได้พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้ประหารชีวิตจำเลยทั้ง 7 คน สร้างความพึงพอใจแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตหลังทราบผลพิพากษาของศาลฎีกา
นางอาส้า บุตรเติบ แม่ยายของผู้ใหญ่บัติ กล่าวว่า รู้สึกพอใจกับคำพิพากษา ขอบคุณศาลที่ให้ความยุติธรรมต่อครอบครัว เนื่องจากตลอดเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา ทางครอบครัวต้องทนทุกข์ทรมานอย่างหนักทั้งจากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปทั้งหมดถึง 8 คน และยังต้องแบกรับภาระหนี้สินที่เกิดจากการที่บังฟัต นำบ้านหลังที่เกิดเหตุและบ้านของพ่อตา ไปจำนองไว้กับธนาคาร จนกระทั่งทำให้บ้านทั้ง 2 หลังซึ่งเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายของครอบครัวถูกธนาคารยึด ทำให้คนในครอบต่างวิตกกังวลว่าจะไม่มีที่อาศัย จึงอยากวอนขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง


