ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีอัยการภาค 7 มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัทอิตาเลียนไทย ดิเวลล๊อปเมนต์ จำกัด(มหาชน)ใน 5 ข้อหา และสั่งฟ้อง 6 ข้อหา ว่า อำนาจการฟ้องหรือไม่ฟ้องเป็นอำนาจของพนักงานอัยการ ต้องเคารพในอำนาจหน้าที่ของท่าน เมื่อมีหนังสือถามความเห็นจากพนักงานสอบสวน ก็ต้องกราบเรียนไปในแนวทางเดิมที่สั่งฟ้องไปทุกข้อหา แต่เบื้องต้นอัยการภาค 7 ยังไม่ได้ส่งความเห็นมา คาดประมาณสัปดาห์หน้า เมื่อความเห็นจากอัยการมาถึง ก็จะเรียกประชุมแนวทางที่ตำรวจเห็นแย้ง เชื่อว่าใช้เวลาไม่นานก็สามารถลงความเห็นได้ ส่วนกรอบระยะเวลาก็ตามอายุความ เมื่อวานได้พูดคุยกับ พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ รอง ผบช.ภ.7 เรียบร้อยแล้ว เมื่อทำความเห็นเสร็จก็ส่งกลับไปที่อัยการภาค7 หลักจากนั้นอัยการภาค7ก็จะส่งไปที่อัยการสูงสุดเอง ยืนยันตำรวจไม่ได้มีความขัดแย้งกับอัยการ การลงความเห็นต่างเป็นเรื่องปกติ เพราะเป็นหน้าที่ เป็นความเห็นทางอาญา
“ยืนยันตำรวจเห็นแย้งทุกข้อหาที่ไม่สังฟ้อง เช่น เรื่องพยายามล่าสัตว์ที่สั่งฟ้องนายธานี ทุมมาศ แต่ไม่สั่งฟ้องคนอื่น นายธานีเอาปืนของนายเปรมชัยไปยิง ถ้าไม่ผิดก็มีต้องมีความผิดฐานสนับสนุน แต่การเข้าไปหรือพาอาวุธปืนเข้าไป นายวิเชียร ชินวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ ไม่มีอำนาจในการอนุญาต การอนุญาตเป็นอำนาจเขตบ้านโป่ง หรือผู้อำนวยการสำนักในกรุงเทพฯ ทางกรมยืนยันมาแบบนี้ ประกอบกับกรณีนี้รัฐเสียหาย ค่าธรรมเนียมไม่ได้เก็บ เหตุที่ผมแย้งส่วนใหญ่ อยากจะกราบเรียนว่าทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อมีข้อหาตามกฎหมาย ถ้าผมทำทองไม่รู้ร้อน เดี๋ยวผมก็จะโดนว่าอีก ต้นเหตุคือเงิน110บาท ค่าเข้าอุทยานหรือไม่นั้นพวกคุณคิดเอาเองแล้วกัน ถ้าไม่เข้าไปมันจะล่าสัตว์ได้หรือเปล่า ทุกอย่างควรสิ้นสุดที่ศาล เพราะรัฐเสียหาย”รองผบ.ตร. กล่าว
พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวด้วยว่า ส่วนบางข้อหาที่ไม่มีบทกำหนดโทษในคดีอาญา อัยการเรียกค่าเสียหายทางแพ่งประมาณ 4 แสนกว่าบาท โดยเฉพาะตัวเสือ แต่ความเสียหายในระบบนิเวศน์ เรื่องนี้ปรึกษากับพนักงานสอบสวนและทางกรมอุทยานแล้ว ส่วนสำนวนเกี่ยวกับอาวุธปืน ติดสินเจ้าพนักงาน ครอบครองงาช้างผิดกฎหมาย ส่งให้พนักงานอัยการไปหมดแล้ว มั่นใจทุกสำนวน ถ้าไม่มั่นใจก็ไม่ส่งไปตั้งแต่ต้น หลักฐานพอมีก็ต้องฟ้องเห็นควรจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทุกข้อหา