หน้าแรกการเมืองครม.อนุมัติหลักการร่างพรบ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ

ครม.อนุมัติหลักการร่างพรบ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ครม.อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. …. ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เสนอ ซึ่งเป็นการดำเนินการคู่ขนานกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐสภาและที่ภาคประชาชนเสนอ ทั้งนี้ มาตรา 256 (8) ของรัฐธรรมนูญ ฉบับ พ.ศ. 2560 ได้กำหนดให้การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจะต้องมีการทำประชามติ ประกอบกับปัจจุบันยังไม่มีการตรากฎหมายเพื่อให้มีการออกเสียงประชามติ โดยที่ผ่านมาใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2552 ตราขึ้นตามรัฐธรรมนูญพุทธศักราช 2550 ซึ่งได้ยกเลิกไปแล้ว

สำหรับร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. …. ฉบับนี้ เป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการออกเสียงประชามติ โดยยังคงหลักการตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2552 และมีการแก้ไขเพิ่มเติมให้เป็นปัจจุบัน ซึ่งมีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การออกเสียงประชามติ มี 2 กรณี คือ กรณีมาตรา 166 ของรัฐธรรมนูญ ครม. จะขอให้มีการออกเสียงในเรื่องที่ไม่ขัดหรือแย้งต่อ รธน. หรือเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตัวบุคคลหรือคณะบุคคลใด เพื่อให้มีข้อยุติ หรือเพื่อให้คำปรึกษาแก่ ครม. กำหนดให้นายกรัฐมนตรีประกาศให้มีการออกเสียงในราชกิจจานุเบกษา กรณีมาตรา 256 (8) ของรัฐธรรมนูญ การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หรือคุณสมบัติ ลักษณะต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญ กำหนดให้ผู้มีอำนาจตามกฎหมาย หรือ กกต.ประกาศมีการออกเสียงในราชกิจจานุเบกษา

กำหนดให้การออกเสียงใช้วิธีลงคะแนนโดยตรงและลับ ซึ่งการออกเสียงจะถือว่ายุติก็ต่อเมื่อมีผู้ออกเสียงเป็นจำนวนเสียงข้างมากและมีจำนวนเสียงเกินกว่ากึ่งหนึ่งของผู้มาออกเสียง, กำหนดให้หน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบในเรื่องจัดทำประชามติ ต้องดำเนินการให้ข้อมูลการจัดทำประชามติแก่ผู้มีสิทธิออกเสียงได้รับทราบอย่างเพียงพอ

กำหนดให้ผู้มีสิทธิออกเสียงต้องมีคุณสมบัติตามที่กำหนด เช่น มีสัญชาติไทย มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีในวันออกเสียง ส่วนลักษณะต้องห้ามของผู้มีสิทธิออกเสียง เช่น ต้องไม่เป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวช อยู่ระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง กำหนดความผิดและบทกำหนดโทษ เช่น กำหนดโทษจำคุก (1 – 10 ปี) ปรับ หรือเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง (ไม่เกิน 5 ปี) และกรณีศาลมีคำพิพากษาลงโทษผู้ใดตามฐานความผิดตาม พ.ร.บ. นี้ และเป็นผู้กระทำให้การออกเสียงไม่เป็นไปโดยสุจริต ผู้นั้นต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายการออกเสียงในหน่วยนั้นด้วย

ทั้งนี้ หากมีการจัดการออกเสียงประชามติทั่วประเทศ อาจต้องใช้งบประมาณราว 3,150.69 ล้านบาท และถ้ามีการใช้มาตรการป้องกันการระบาดของโควิด-19 ควบคู่ไปด้วย อาจทำให้ต้องใช้งบประมาณเพิ่มสูงขึ้นเป็น 4,062.73 ล้านบาท และในลำดับต่อไป จะส่งร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอรัฐสภาต่อไป ส่วนการออกกฎหมายลำดับรอง มีจำนวน 1 ฉบับ คือ ร่างระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. …. จะดำเนินการหลังร่าง พ.ร.บ. มีผลบังคับใช้แล้ว 180 วัน

นางสาวรัชดา กล่าวอีกว่า ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมือง โดยการใช้สิทธิออกเสียง “เห็นชอบ” หรือ “ไม่เห็นชอบ” ในเรื่องสำคัญๆ เช่น การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หรือเรื่องอื่นที่ ครม. ขอให้มีการออกเสียงประชามติ ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img