โดย พล.อ.ประวิตร ได้มอบนโยบายการปฏิบัติงาน ภายหลังรับฟังการบรรยายสรุป โดยเน้นย้ำให้ศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า-ออกเรือประมง( PIPO ) ต้องตรวจสอบความถูกต้องของเรือ,คนประจำเรือ,เครื่องมือการทำประมง รวมถึงสัตว์น้ำและเอกสารต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นการทำประมงที่ถูกกฎหมาย ต้องมีการตรวจสอบแรงงานภาคประมง ซึ่งเป็นแรงงานต่างด้าว 4 ชาติ(เมียนมาร์,กัมพูชา,ลาวและเวียดนาม) ซึ่งจะต้องเป็นแรงงานถูกกฎหมาย และผ่านการคัดกรองโควิด-19 ตามที่รัฐกำหนด และต้องมีมาตรการสร้างการรับรู้ความเข้าใจประมงพื้นบ้านและประมงพาณิชย์ที่ได้รับผลกระทบ และได้รับการเยียวยาอย่างทั่วถึงครบถ้วน รวมถึงมีความเข้าใจการบริหารทรัพยากรทางทะเลที่ยั่งยืนและกำชับผู้ว่าราชการจังหวัด 22 จังหวัดชายทะเล ให้ใช้กลไกการทำงานของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล หรือ ศรชล. สนับสนุนภารกิจ ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้เน้นย้ำการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ให้ถือเป็นวาระแห่งชาติ โดยกำชับให้ตำรวจ ,ฝ่ายปกครอง ,แรงงาน ,พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกองทัพเรือ ต้องมีการสกัดกั้นการลักลอบพาคนต่างด้าวเข้าเมือง และห้ามมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเด็ดขาด หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินการทั้งทางวินัย และทางอาญา
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ยังได้กล่าวเพิ่มเติมในฐานะตัวแทนรัฐบาล มีความพอใจผลการปฏิบัติงานที่ผ่านมา โดยขอบคุณและเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานทุกคนที่มีความทุ่มเท เสียสละ และร่วมมือกับรัฐบาลในการแก้ไขสถานการณ์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 จนได้รับการยกย่องจากองค์การอนามัยโลก พร้อมขอให้ยังคงระมัดระวังเว้นระยะห่างทางสังคมจากมาตรการผ่อนปรนที่รัฐเพิ่มมากขึ้น