โดยโครงการต่างๆ อาทิ การเร่งรัดลงทุนด้านพลังงานรวมกว่า 200,000 ล้านบาท ในปี 2563 สร้างการจ้างงานกว่า 10,000 คน โดยจะมีการเปิดสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบใหม่
การกระตุ้นเศรษฐกิจฟื้นฟูหลังโควิด-19 รวม 30,000ล้านบาท สร้างรายได้ให้กับชุมชนเกิดการจ้างงานกว่า 8,000 คน โดยให้ทางกฟผ.กระตุ้นให้เกิดการค้าผ่านตลาดนัดออนไลน์ชุมชนโรงไฟฟ้าและท่องเที่ยวเขื่อนทั่วไทย ปตท. จัดเที่ยวทั่วทิศกระตุ้นเศรษฐกิจกับ Blue Card พร้อมทั้งกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากผ่านกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งมีแผนขยายสายส่งไฟฟ้าเพื่อผันแม่น้ำยวมสู่อ่างเก็บน้ำภูมิพล เพื่อชลประทานและยังช่วยลดปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นได้
สุดท้าย คือการลดรายจ่ายแก่ภาคประชาชนหลังโควิด-19 รวม 40,500 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงพลังงานได้ดำเนินการในช่วงที่เกิดสถานการณ์ และจะดำเนินการต่อไปจนถึงสิ้นปี เช่น การลดค่าไฟฟ้าครัวเรือนและภาคธุรกิจด้วยการบริหารจัดการเพื่อลดต้นทุนค่าไฟฟ้า การยกเว้นเก็บอัตราค่าไฟฟ้าขั้นต่ำ การตรึงราคาก๊าซหุงต้ม ถึงเดือนกันยายนและพิจารณาขยายไปจนถึงเดือนธันวาคม 2563 รวมถึงการช่วยเหลือส่วนต่างราคาNGV สำหรับรถสาธารณะโดยปตท. ช่วยเหลือส่วนต่างราคาจนถึงเดือนกรกฎาคม 2563 ลดการเก็บเงินเข้า กองทุนน้ำมัน 50 สตางค์ต่อลิตร
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยังกล่าวย้ำว่า สำหรับการลงทุนเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น หากโครงการใดสามารถพิจารณาจัดทำได้ก่อนระยะเวลา 3 ปีก็ให้พิจารณาเร่งรัดดำเนินการ เพื่อที่จะทำให้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจภายในประเทศให้เร็วที่สุด
ส่วนเรื่องโรงไฟฟ้าชุมชนที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนนั้น การลงทุนจะสร้างรายได้กว่า 2,000 ล้านบาท เกิดการจ้างงานกว่า 10,000 คน เมื่อครบเป้าหมาย 700 เมกะวัตต์ และการใช้ระบบล็อกเชนเข้ามาซื้อมีการซื้อขายปาล์มน้ำมันภาคพลังงานทั้งระบบ จะเกิดการหมุนเวียนรายได้กว่า 14,000 ล้านบาท