นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้าน และ ส.ส. เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย อภิปราย พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และพระราชกำหนดการรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศว่า 1 ล้านล้านบาท แพ.ร.ก.กู้เงิน ยกพิจารณาเป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือ 1. แก้ไขการระบาดโควิด-19 รัฐบาลต้องสามารถชี้แจงต่อสังคมให้ได้ว่ามีรายละเอียดการใช้จ่ายอย่างไร ใครได้ประโยชน์บ้าง เพราะที่รัฐบาลชี้แจงว่าใช้ในการรักษาผู้ป่วยคนละ 1 ล้านบาท ซึ่งคิดแล้วเป็นเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาทเท่านั้น เรื่องการจัดสรรอุปกรณ์ทางการแพทย์ก็มีข้อกังขามากมาย 2. การช่วยเหลือ เยียวยา ประชาชน เกษตรกร ผู้ประกอบการ เป็นสิ่งจำเป็น แต่การเยี่ยวยาในแบบของรัฐบาลมีปัญหาในการคัดกรองไม่ครอบคลุม ซึ่งตนเห็นว่าควรใช้ระบบถ้วนหน้า 3. งบฟื้นฟูเศรษฐกิจ ทิศทางการใช้เงินก้อนนี้ ไม่ตอบโจทย์ และไม่คิดถึงโอกาสของประเทศในภาพใหญ่
ขณะที่ พ.ร.ก. การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 นั้น ส่วนมากยังเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ยาก ผู้ประกอบการขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ได้ประโยชน์มากกว่าขนาดเล็ก นอกจากนั้นยังเปิดช่องทางที่เอกชนรายที่ผ่านการพิจารณาสินเชื่อ เอาสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำไปปล่อยต่อให้เอกชนที่เข้าไม่ถึงสินเชื่อในราคาสูง มีลักษณะเหมือนสินเชื่อนอกระบบ รายใหญ่ได้ประโยชน์ รายเล็กโดนเอาเปรียบ ในส่วนของ พ.ร.ก. การรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ ในส่วนนี้ ตนเห็นถึงความจำเป็นของการรักษาเสถียรภาพของตลาดตราสารหนี้ ซึ่งเป็นอีกแหล่งทุนสำคัญในการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชน แต่มีผลเสียที่จะตามมา ซึ่งการใช้เงินกู้จำนวนนี้ต้องลงสู่การช่วยเหลือประชาชนอย่างทั่วถึงอย่างแท้จริง และไม่อยากให้เป็นการเอื้อต่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งด้วยจึงอยากให้รัฐบาล ดูแลการใช้เงินให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด