นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ MTL เปิดเผยว่า ในปี 2562 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่เมืองไทยประกันชีวิตได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ กระบวนการทำงาน และการให้บริการ รวมถึงยังเป็นผู้นำในการเสนอขายผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางดิจิทัล ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้หลากหลายในรูปแบบเฉพาะบุคคล ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังถือเป็นปีที่สำคัญอีกปีหนึ่งสำหรับเมืองไทยประกันชีวิตที่สะท้อนถึงตัวตนในการเป็นแบรนด์แห่งความสุขและรอยยิ้มได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ด้วยการปรับภาพลักษณ์องค์กรครั้งใหญ่ (Brightening the Brand) ในรอบ 15 ปี ให้มีความสดใส ทันสมัย และเป็นสากล ภายใต้สโลแกน “Happiness Means Everything: เพราะความสุขคือทุกอย่าง” โดยมุ่งเน้นเรื่องของการส่งมอบความสุขในทุกด้านให้กับลูกค้า พนักงาน พันธมิตร สังคม และผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืน
ในด้านผลการดำเนินงานของเมืองไทยประกันชีวิต ในปี 2562 มีผลงานเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 83,840 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรับใหม่ 25,956 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยปีต่อไป 57,885 ล้านบาท มีสัดส่วนเบี้ยประกันภัยรับใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็น Protection & Investment เมื่อเทียบกับผลงานเบี้ยประกันภัยรับใหม่ทั้งหมด สูงถึง 67% มีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์ Investment Linked อยู่ที่ 163% และมีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับรวมสำหรับผลิตภัณฑ์ในประเภทสัญญาเพิ่มเติมการประกันสุขภาพและโรคร้ายแรงอยู่ที่ 11% เมื่อเทียบกับปี 2561 ในขณะที่ฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ประมาณ 531,000 ล้านบาท
นายสาระ กล่าวว่า สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2563 เมืองไทยประกันชีวิตยังคงมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำที่นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุด ผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุก Journey ในรูปแบบที่มีความเฉพาะตัวของบุคคลมากยิ่งขึ้น พร้อมสร้างความมั่งคั่งและมั่นคงอย่างยั่งยืน ในทุกช่วงของชีวิตและทุกไลฟ์สไตล์แบบ End to End ได้อย่างเหมาะสม ตอกย้ำนโยบาย “MTL Everyday Life Partner” พร้อมยกระดับองค์กรสู่ความเป็นสากล ทันสมัย และสามารถรับมือกับโลกยุคดิจิทัลได้อย่างเต็มตัว
พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่หลากหลาย ดูแลครบถ้วนทั้งเรื่องความคุ้มครอง สุขภาพ และการลงทุน โดยตั้งเป้าหมายในการเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า ล่าสุดได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เมืองไทย สมาร์ท ลิงค์ 10/1 (Global) ซึ่งเป็นแบบประกันประเภท Index Linked ที่จะมาช่วยตอบโจทย์และเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าในยุคปัจจุบันที่อัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับต่ำ ด้วยการเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุน โดยอ้างอิงการลงทุนจากดัชนี Citi Global Multi Asset Index ซึ่งบริหารจัดการโดยผู้เชี่ยวชาญของ Citi ที่มี กลยุทธ์การลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก เพื่อเพิ่มผลตอบแทนในระยะยาวอย่างมั่นคง พร้อมให้ความคุ้มครองชีวิต 110% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย เป็นระยะเวลา 10 ปี การันตีเบี้ยประกันที่จ่ายยังอยู่ครบเมื่อจบสัญญา และสามารถนำเบี้ยประกันที่จ่ายไปลดหย่อนภาษีได้
นอกจากนี้ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ สัญญาเพิ่มเติมการรักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก (OPD) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ต้องการความอุ่นใจเรี่องการรักษาพยาบาลแบบผู้ป่วยนอก (OPD) สบายใจไม่ต้องนอนโรงพยาบาลก็จ่ายให้ โดยคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก สูงสุด 3,000 บาทต่อครั้ง รับความคุ้มครองปีละ 60,000 บาท(1) โดยสามารถแยกซื้อความคุ้มครองผู้ป่วยนอกได้ โดยไม่ต้องซื้อร่วมกับความคุ้มครองผู้ป่วยใน (IPD) ซึ่งปกติ แบบประกันส่วนใหญ่ในตลาดจะต้องซื้อความคุ้มครองผู้ป่วยในก่อนจึงจะมีสิทธิ์ซื้อความคุ้มครองผู้ป่วยนอกได้ ขณะที่ผลิตภัณฑ์ไฮไลท์อย่าง สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพแบบ อีลิท เฮลท์ ที่มอบความคุ้มครองดูแลแบบเหนือระดับที่มากกว่า สามารถเลือกความคุ้มครองได้ตั้งแต่ 20-100 ล้านบาทต่อปีกรมธรรม์ ล่าสุดได้มีการขยายอายุความคุ้มครองถึงอายุ 99 ปี สร้างความอุ่นใจและหมดกังวลเพราะความคุ้มครองสุขภาพจะอยู่ดูแลคุณไปจนแก่เฒ่า
นายสาระ ได้กล่าวถึงกลยุทธ์ช่องทางการขายของบริษัทฯ ในปี 2563 ว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าทำการตลาดแบบหลากหลายช่องทาง (Multi Distribution Channel) เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างครอบคลุมและเหมาะสมกับคนทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าจะเป็นช่องทางตัวแทนประกันชีวิตที่มุ่งสู่การเป็นผู้ออกแบบการเงิน ที่สามารถออกแบบ ให้คำปรึกษา และวางแผนการสร้างความมั่งคั่งทางการเงินที่เหมาะสมแก่ลูกค้าแต่ละราย การขายผ่านช่องทางธนาคาร โบรกเกอร์ รวมไปถึงการขายแบบประกันออนไลน์ ที่มุ่งขยายช่องทางการเข้าถึงลูกค้าผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น K Plus และ Shopee ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการให้บริการด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยและทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ โดยบริษัทฯ ได้พัฒนาเทคโนโลยี ในชื่อ “BizBox” เพื่อสนับสนุนกระบวนการงานขายตั้งแต่กระบวนการก่อนการนำเสนอขาย ระหว่างการเสนอขาย และหลังการเสนอขาย เพื่อส่งมอบบริการด้านการวางแผนการเงินที่ดีและเหมาะสมกับลูกค้ามากที่สุด นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการขยายตลาดไปสู่ประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ร่วมลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน CLMV ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงมีความมุ่งมั่นที่จะหาโอกาสในการขยายการลงทุนผ่านกลุ่มประเทศอื่นๆ โดยตอนนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในทางธุรกิจ
นายสาระ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ยังได้เปิดประสบการณ์ครบเครื่องการบริการที่เหนือระดับด้วยที่สุดของการบริการ ’MTL Smile Service ให้คุณคุ้มค่ามากกว่าแค่คุ้มครอง’ ด้วยรูปแบบการบริการที่หลากหลาย ตอบโจทย์ในทุก Lifestyle ที่คุณเลือก ทั้งนวัตกรรมการบริการและเทคโนโลยี พร้อมทีมงานที่คอยดูแลใส่ใจ รวมถึงสิทธิพิเศษมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ช่องทางการติดต่อที่สะดวกยิ่งขึ้น อาทิ โทร.1766 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ Online Chat ผ่าน Muangthai.co.th รวมถึงบริการเลขาส่วนตัว บริการติดต่อประสานงานและจัดหาข้อมูลต่างๆ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมและสิทธิพิเศษอีกมากมายให้สมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ เนื่องในวาระเฉลิมฉลองครบรอบ 16 ปีแห่งความสุข ผ่านกิจกรรมสุดพิเศษ เพื่อแทนคำขอบคุณและความรักที่มีให้กันตลอดมา รวมถึงกิจกรรมและสิทธิประโยชน์อีกมากมายที่ให้สมาชิกฯ ได้เลือกสรรตลอด 365 วัน ทั้งในด้าน Health ดูแลสุขภาพจากโปรแกรมสุดคุ้ม พร้อมผลิตภัณฑ์ที่ส่งเสริมการดูแลสุขภาพแบบครบวงจร และในด้าน Wealth เรียนรู้การลงทุนอย่างมั่งคั่งจากงานสัมมนาที่จัดขึ้นเป็นพิเศษโดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญในด้านการลงทุน Lifestyle
พร้อมเปิดตัวหนังโฆษณาชุดใหม่ “ติ๊กทุกตอน” นำแสดงโดย “ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี” ซึ่งจะเผยแพร่ผ่านช่องทางโทรทัศน์ วิทยุ เว็บไซต์ www.muangthai.co.th รวมถึงช่องทาง Social Platform อื่นๆ อย่าง YouTube Facebook Instagram และ Line Official ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563 นี้เป็นต้นไป
ล่าสุดบริษัทฯ ได้เปิดตัวแอปพลิเคชันใหม่ในชื่อ “MTL Click” โดยเป็นแอปพลิเคชันที่รวบรวมทุกบริการของเมืองไทยประกันชีวิต ที่สะดวก ครบ จบในแอปเดียว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ โดย MTL Click ได้ถูกออกแบบมาให้อำนวยความสะดวกและตอบสนองความต้องการหลังการขายที่แตกต่างกันไปตามบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการเข้าระบบแบบ Biometric Login ที่สามารถเข้าได้ทั้งแบบ Face ID สแกนลายนิ้วมือ หรือการใส่ Pin Code การรวมบัตรประกันกลุ่มและประกันรายเดี่ยวไว้ในแอปเดียวในรูปแบบ Digicard รวมไปถึงการสรุปและรวมผลประโยชน์ตามประเภทกรมธรรม์ การค้นหาตำแหน่งโรงพยาบาลคู่สัญญา การติดตามและแจ้งเตือนสถานะการเคลม การขอเปลี่ยนข้อมูลกรมธรรม์ การส่งคำขอเข้าถึงกรมธรรม์ของคนในครอบครัวและชำระเบี้ยประกันให้กันได้ ในขณะที่ช่องทางการชำระเบี้ย ลูกค้าสามารถเลือกชำระได้ผ่านบัตรเครดิต เคาน์เตอร์เซอร์วิส หรือผ่าน K Plus นอกจากนี้ได้มีบริการพบแพทย์ออนไลน์ (TeleMedicine) สำหรับผู้มีประกันสุขภาพกลุ่มกับเมืองไทยประกันชีวิต และสามารถรับยาตามสิทธ์ได้เสมือนการพบแพทย์ผ่านโรงพยาบาล รวมถึงบริการขอหนังสือรับรองการชำระเบี้ยประกันภัยเพื่อนำไปใช้เป็นหลักฐานประกอบการยื่นขอหักลดหย่อนภาษีฯ พิเศษสุดสำหรับสมาชิกเมืองไทย Smile Club สามารถรับสิทธิพิเศษได้ทั้งปี ภายใต้แคมเปญ “โหลด แรก รับ เลย” เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน MTL Click ครั้งแรก สามารถกดรับฟรี สิทธิพิเศษต่างๆ มากมาย โดยตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 31 มีนาคม 2563 มีสิทธิ์กดรับฟรีรหัสส่วนลดแทนเงินสดเติมน้ำมัน PT มูลค่า 100 บาท ที่สถานีน้ำมัน PT ทุกสาขาทั่วประเทศ
ทั้งนี้ เมืองไทยประกันชีวิต ยังเดินหน้าในการพัฒนาองค์กรและบุคลากรในทุกระดับ ให้สามารถทำงานได้อย่างหลากหลายและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นภายใต้โลกยุคใหม่ โดยล่าสุด เมืองไทยประกันชีวิต ได้ทำการเปิด ศูนย์การเรียนรู้ “สรรค์สาระ” จังหวัดราชบุรี ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 48 ไร่ รายล้อมด้วยธรรมชาติและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เอื้อต่อการเรียนรู้ ด้วยรูปแบบของอาคารและการจัดสรรพื้นที่ให้มีความโปร่งโล่งสบาย ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมอาคารที่พักและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน โดยศูนย์การเรียนรู้ สรรค์สาระ จะเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาบุคลากรทั้งพนักงาน ตัวแทน รวมไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะนำไปสู่การคิดค้นและสร้างสรรค์สิ่งที่ดี ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างรอบด้าน พร้อมนำพาองค์กรให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน มั่นคง และแข็งแกร่ง
“หัวใจหลักของการดำเนินธุรกิจของ MTL ยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการโดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ภายใต้ปัจจัยแวดล้อมใหม่และมุ่งเน้นการปรับตัวให้สอดรับกับสถานการณ์ต่างๆ พร้อมตอกย้ำภาพลักษณ์สู่การเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรม คิดค้นผลิตภัณฑ์ บริการ ที่สามารถเข้าถึงความต้องการของลูกค้าในทุกเพศทุกวัย พร้อมเชื่อมต่อกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในแบบเฉพาะตัว มุ่งมั่นเติบโตและก้าวไปอย่างมั่นคงเคียงข้างไปกับลูกค้า ด้วยความยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล พร้อมปฏิบัติตามเงื่อนไขและกฎเกณฑ์ของกฎหมายอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้บนโลกในยุคดิจิทัล นอกจากนี้เมืองไทยประกันชีวิต ยังมีพันธมิตรที่สนับสนุนในการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีในไม่ว่าจะเป็น Fuchsia Venture Capital ช่วยเฟ้นหา Startup ที่มีศักยภาพ เพื่อสนับสนุนและเสริมสร้างนวัตกรรมใหม่ให้เกิดขึ้นในประเทศไทยและวงการประกัน รวมถึงบริษัท ไอเจ็น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บริษัท เมืองไทย กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด เป็นบริษัทที่จะนำหลักการของปัญญาประดิษฐ์ Artificial Intelligence ในลักษณะของ Machine Learning หรือ Deep Learning มาช่วยในการเสริมสร้างประสิทธิภาพในการพิจารณารับประกัน การพิจารณาสินไหม และในการพัฒนาเครื่องมือต่างๆให้กับทีมงานฝ่ายขายเพื่อเน้นการบริการดูแลลูกค้าและตอบสนองความต้องการของลูกค้าของเมืองไทยประกันชีวิตให้ดียิ่งขึ้น รวมถึง “Gettgo” ซึ่งอยู่ภายใต้ บริษัท เมืองไทย โบรกเกอร์ จำกัด ที่คอยช่วยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัลได้เป็นอย่างดี และพร้อมส่งมอบบริการที่ดีเลิศให้แก่ลูกค้า ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็ตาม”นายสาระ กล่าว.