ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) เมื่อวันที่19 กุมภาพันธ์ พล.ต.อ.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศป.ฉปทน.) ,พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบช.ทท.) ร่วมกันแถลงการจับกุมต้องหา 4 ราย ประกอบด้วย 1.นายโล จุน ปิง (Mr.Low Jun Ping) อายุ19 ปี 2.นายอี ยง ซิง (Mr. Ee Yong Sing) อายุ20 ปี 3.น.ส.อัง โป อิน (Miss Ang Poh Yin) อายุ20 ปี สัญชาติมาเลย์เซีย และ 4.นายจวง เติง หง (Mr.Chuang Teng-Huang) อายุ34 ปี สัญชาติใต้หวัน ซึ่งทำหน้าที่เป็นม้าเร็ววิ่งกดเงิน โดยชุดสืบสวนจับกุมได้ พร้อมของกลางเป็นบัตรกดเงินสดจำนวน 10 ใบ,เงินสกุลต่างประเทศ,ซิมการ์ดโทรศัพท์และอื่นๆอีกหลายรายการ ทั้งนี้จากการตรวจสอบบัตรกดเงินสด พบว่ามีความเชื่อมโยงถึงผู้เสียหาย 2 ราย ที่แจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สน.ปทุมวัน สน.หลักสอง มูลค่าความเสียหายรวม 6.1 ล้านบาท ในกรณีนี้เจ้าหน้าที่ขยายผลจาก สน.หลักสอง และ สน.ปทุมวัน จากการขยายผลพบว่าคนร้ายมีการโอนเงินหลายช่องทาง กระทั่งแกะรอยตามไปพบว่ามีผู้ต้องสัยมากดเงินที่ตู้เอทีเอ็มแห่งหนึ่ง จึงสะกดรอยตามจนเป็รที่แน่ชัดว่าเป็นคนร้ายจึงแสดงตัวทำการจับกุม ย่านลาดพร้าว ย่านรัชดา เบื้องต้น ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น มีโทษจำคุกตั้งแต่6เดือนถึง7ปี ปรับตั้งแต่ 10,000 บาทถึง 140,000 บาท
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบช.ทท. กล่าวถึงการทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์เครือข่ายนายเฉินหยวนไข่ กลางกรุงพนมเพญ ประเทศกัมพูชา ว่า ตำรวจไทยร่วมกับกัมพูชา บุกค้นบ้านพักหรู3 ชั้นแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชา รวม 37 ราย การจับกุมเครือข่ายดังกล่าวถือเป็นเป้าหมายสำคัญที่ตำรวจไทยเกาะติดอย่างต่อเนื่อง สำหรับผู้ต้องหาที่เป็นชาวไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานกับทางการกัมพูชา เพื่อรับตัวมาลงโทษ ยืนยันที่ผ่านตำรวจไทยและกัมพูชา ให้ความร่วมมือในการติดตามจับกุมเป็นอย่างดี
พร้อมกันนี้ พล.ต.อ.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. ผู้ในฐาน ผอ.ศูนย์ฯ นายพีระพัฒน์ อิงพงษ์พันธ์ ผอ.กองคดี1 ผู้แทนสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ตัวแทนธนาคารต่างๆ ร่วมคืนเงินที่อายัดได้จากแก๊งคอลเซ็นเตอร์คืนให้กับผู้เสียหาย 10 ราย รวมเป็นเงินจำนวน 1.1ล้านบาท โดยผู้เสียหายโทรมาแจ้งทางสายด่วน 1155 และ 1710 ทั้งนี้ จากผลการปฏิบัติงานในการอายัดเงินคืนให้กับผู้เสียหาย สามารถอายัดเงินคืนได้จำนวน 49 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 10 ล้านบาท