วันที่ 18 ธันวาคม 2562 เวลา 14.00 น.ที่ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3 ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา : พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) พร้อมด้วย พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผบช.ภ.4,พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก.,พล.ต.ต.อัครเดช พิมลศรี รอง ผบช.ภ.3,พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการกองบังคับการปราบ,พล.ต.ต. ปวริศ บุญสุทธิ ผบก.สส.ภ.3,พล.ต.ต.สุจินต์ นิลพานิชย์ ผบก.ภ.นครราชสีมา และนายจรัสชัย โชคเรืองสกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนายสมคิด พุ่มพวง ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง
โดยเมื่อเวลา 10.45 น.วันที่ 18 ธันวาคม 2562 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากช่อง ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟสถานีปากช่อง รวม 10 นายวางแผน เข้าควบคุมตัวนายสมคิด พุ่มพวง ผู้ต้องหาตามหมายจับ คดีฆาตกรรมต่อเนื่อง คาตู้รถไฟ ขบวนที่ ข.234 กรุงเทพ-สุรินทร์ พบนายสมคิดฯ อยู่ภายในตู้โดยสารที่ 2 สภาพแต่งกายปิดอำพรางตัวมิดชิด สวมใส่รองเท้ากีฬาสีแดง นั่งปะปนอยู่กับผู้โดยสารทั่วไป จนกระทั่งมีประชาชนสังเกตเห็นบุคคลมีลักษณะคล้ายผู้ต้องหา จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบและควบคุมตัว
จากนั้นได้ควบคุมตัวเดินทางไปยังศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3 โดย ผบช.ภ.3,รอง ผบช.ภ.3 เวลา 12.00 น.ได้ร่วมกันทำการสอบสวนด้วยตัวเอง 2-3 รอบนานกว่า 1 ชม.ต่อจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้ทำการตรวจร่องรอยการต่อสู้ตามร่างกาย โดยมีแพทย์ทำการตรวจเช็คสภาพร่างกายเนื่องจากนายสมคิดฯ มีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ชุดสืบสวนได้ทำการตรวจค้นกระเป๋าเป้คล้ายเป้ทหารมีเพียงเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว เสื่อ ล็อตเตอรี่และเต็นท์
ทั้งนี้ ขณะเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายสมคิดฯ มีอาการเรียบเฉย สีหน้าเคร่งเครียด แต่ไม่ได้แสดงอาการตกใจแต่อย่างใด โดยทราบเบื้องต้นว่า นายสมคิดฯ ตีตั๋วรถไฟจากบุรีรัมย์ ประมาณเวลา 06.00 น. ปลายทางพระนครศรีอยุธยา ในเวลา 12.00 น.
พล.ต.ท.พูลทรัพย์ฯ กล่าวว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีมีความกังวล และห่วงใยประชาชนในคดีที่เกิดขึ้นจึงได้สั่งการให้ทุกฝ่ายช่วยกันติดตามจับกุมผู้ต้องหาให้ได้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทุกส่วนสืบสวนติดตามจับกุมให้ได้โดยเร็ว โดยเฉพาะหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ ตร.ภ.3 และ ตร.ภ.4 และกองบัญชาการสอบสวนกลาง โดยผู้บังคับการกองปราบปราม นำกำลังติดตามในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา
จนกระทั่งวันนี้ประสบความสำเร็จ เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกฝ่าย เจ้าหน้าฝ่ายปกครองและทหารได้ร่วมกันจับกุมนายสมคิดฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ในข้อหาห่าคนตายโดยเจตนา โดยไต่ตรองไว้ก่อนจับได้ในขณะที่โดยสารรถไฟ ขึ้นที่สถานีรถไฟ จ.บุรีรัมย์ เดินทางมากับขบวนรถไฟจนถึงสถานีรถไฟอำเภอปากช่อง จ.นครราชสีมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากช่อง,กองปราบปราม,ตร.รถไฟ,ฝ่ายปกครอง และทหาร ได้สนธิกำลังขึ้นตรวจค้นจนกระทั่งพบตัวนายสมคิดฯ ที่พยายามอำพรางตัวนั่งมาในขบวนรถไฟเมื่อตรวจสอบแล้วใช่บุคคลเดียวกันตรามหมายรับตัวจริงและยอมรับสารภาพจึงได้จับกุมตัวมาดำเนินคดี
คดีนี้ทำให้ประชาชนโดยเฉพาะสุภาพสตรีคลายความกังวลไปในระดับหนึ่งว่า ไม่ปล่อยให้บุคคล ซึ่งเป็นอันตรายต่อประชาชนอยู่ในพื้นที่สังคมเรา ขณะที่เป็นที่สบายใจได้ ซึ่งการก่อเหตุครั้งนี้ผู้ต้องหาอ้างว่าทะเลาะกันก่อน” พล.ต.ท.พูลทรัพย์ฯ กล่าว
พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผบช.ภ.4 กล่าวว่า คดีนี้นายสมคิดฯ ได้ก่อเหตุฆาตกรรมในพื้นที่ สภ.คะนวน จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2562 หลังจากฆ่าโดยการบีบคอแล้วได้เอารถจักรยานยนต์ของกลางของผู้เสียชีวิตขับขี่หลบหนี โดยเป็นเส้นทางการหลบหนีไปยัง จ.มหาสารคาม นอนค้าง 1 คืน ต่อไป จ.ร้อยเอ็ด และคืนที่ 2 นอนค้างคืนที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ เพื่อป้องกันถูกจับกุม โดยจอดจักรยานยนต์ของคุณฝ้าย ทิ้งไว้ แล้วขึ้นรถไฟหลบหนีไป จ.พระนครศรีอยุธยา
พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการกองบังคับการปราบ กล่าวว่า ผู้ต้องหาออกจากเรือนจำมาตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม 2562 และใช้ชีวิตปรกติ จากการให้การทราบว่าผู้ต้องหาได้จีบผู้หญิงรายแรกทางเฟสบุ๊กจนได้เป็นแฟนกัน จากนั้นมีการทะเลาะเบาะแว้งกันจนเกิดความโมโหก็เลยฆ่าเสียชีวิต ตามที่ให้การไม่ได้เตรียมการมาก่อนเป็นการบันดาลโทสะการก่อเหตุมีความใกล้เคียงกับ 5 คดีที่ผ่านมา และทั้งหมด 6 ครั้งที่ลงมือฆ่ามีวิธีฆ่า 3 วิธี คือ การเอาหัวกดน้ำ, การใช้มือบีบคอ และผ้ารัดคอ นายสมคิดฯ รู้จักกับผู้ตายประมาณ 1 เดือน สายชาร์ทแบตที่รัดคอก็เป็นอุปกรณ์ที่หาในบ้าน และหลังจากฆ่าแล้วเอาศพไว้ใต้เตียงเป็นการอำพรางศพ ส่วนการเสพยาเบื้องต้นยังตรวจไม่พบ ซึ่งเราคงต้องสอบสวนกันต่อไป
ผู้สื่อข่ายรายงานว่า เจ้าหน้าที่ที่เข้าจับกุมตัวนายสมคิดฯ ครั้งนี้คือกำลังชุดสืบสวน ตร.สภ.ปากช่อง โดยการนำของ พ.ต.อ.มานพ ภุชชงค์ ผกก.สภ.ปากช่อง จำนวน 10 นายนอกเครื่องแบบปะปนกับผู้โดยสารอื่นๆ ร่วมกับตำรวจรถไฟอีก 2 นายที่ทำท่าทางตรวจตั๋วโดยสารตามปรกติ โดยวางแผนสนธิกำลังแบ่งเป็น 6 นายเดินจากหัวขบวนรถไฟ และอีก 6 นายเดินจากท้ายขบวนรถไฟ บีบเข้าหาไปยังตู้โบกี้ที่ 2 ซึ่งเป็นขบวนรถไฟชั้น 3 เมื่อถึงโบกี้ที่ 2 ชุดสืบสวนและตำรวจรถไฟทั้ง 12 นายได้ประกบล้อมที่นั่งและตะครุบตัวได้ โดยไม่มีการต่อสู้หรือขัดขืนแต่อย่างใด