ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(บก.ปทส.) บางเขน เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นำงาช้าง 2 คู่ หรือ 4 กิ่ง มูลค่ารวมกันกว่า 2 ล้านบาท ที่ตรวจยึดมาได้จากการเข้าตรวจค้น บ้านนายเปรมชัย กรรณสูตร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อิลาเลี่ยนไทย ดิเวลล๊อปเม้น จำกัด(มหาชน) ผู้ต้องหาร่วมกันกับพวก ลักลอบล่าสัตว์สงวน ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก มาตรวจพิสูจน์และเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อหาที่มา โดยมี นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืช พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 4 พ.ต.อ.สุวัฒน์ อินทสิทธิ์ รองผู้บังคับการ ปสท.เจ้าหน้าที่เชียวชาญจากกรมอุทยานฯและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมตรวจสอบ โดยเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้าบันทึกภาพขั้นตอนการตรวจพิสูจน์เบื้องต้น ซึ่งขั้นตอนแรกเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า กรมอุทยานฯ ได้ทำการชั่งน้ำหนักงาช้างกิ่งแรกและวัดขนาด ก่อนใช้เครื่องมือขูดเอาเนื้อเยื่อบริเวณ ส่วนโคนของงาช้าง เพื่อนำไปตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยอมรับว่า งาช้างทั้ง 2 คู่ ค่อยข้างมีความสมบูรณ์ มีขนาดใหญ่ แต่ยังไม่สามารถบอกอายุ หรือที่มาได้ ต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ ดีเอ็นเอยืนยัน คาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 3 สัปดาห์ถึงจะทราบผลว่าเป็นงาช้างเอเชียหรือแอฟริกา เนื่องจากงาช้างถูกตัดแต่งกิ่งและเคลือบน้ำยาเพื่อให้งามีเงางาม
ทั้งนี้ นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืช กล่าวว่า หากผลการตรวจสอบพบว่าเป็นงาช้างเอเชียจะต้องตรวจสอบว่ามีการขออนุญาตครอบครองตาม พ.ร.บ.งาช้าง พ.ศ.2558 หรือไม่ ซึ่งตามกฎหมายหากไม่ขอครอบครองต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 3 ล้านบาท แต่หากเป็นงาช้างแอฟริกา จะเข้าข่ายความผิดตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์หรือ ไซเตส ยอมรับว่า นายเปรมชัย ได้ยื่นขอครอบครองงาช้างทั้ง 2 คู่แล้ว เมื่อครั้งที่มีการเปิดให้ผู้ครอบครองงาช้างนำงาช้างมาลงทะเบียน แต่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ครอบครอง เนื่องจากมีผู้นำงาช้างมายื่นแสดงสิทธิ์ขอครอบครองจำนวนมาก