กรุงศรีคาดเงินบาทซื้อขายในกรอบ 30.70-31.00 จับตาประชุมอีซีบี ทิศทางดอกเบี้ยโลก
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาท
ในสัปดาห์นี้ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 30.70-31.00 ต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 30.78 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ภายหลังฟิทช์ เรทติ้งส์ปรับขึ้นแนวโน้มอันดับเครดิตของไทยเป็น “เชิงบวก” จาก “มีเสถียรภาพ” ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 2.4 พันล้านบาท แต่ขายพันธบัตรสุทธิ 1.3 หมื่นล้านบาท
ขณะที่เงินดอลลาร์แข็งค่าเทียบกับยูโร โดยยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ แข็งแกร่งเกินคาดและความเห็นของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขานิวยอร์คสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลงแรงในช่วงสิ้นเดือนนี้เพื่อเป็นการดำเนินมาตรการป้องกันล่วงหน้าก่อนสถานการณ์เศรษฐกิจจะย่ำแย่ลง
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า ตลาดจะให้ความสนใจกับการประชุมธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ในวันที่ 25 กรกฎาคมซึ่งอาจมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ย ส่วนทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ ยังคงกลับไปกลับมา โดยนักลงทุนยังไม่แน่ใจว่าเฟดจะตัดสินใจลดดอกเบี้ยลง 0.25% หรือ 0.50% ในการประชุม FOMC วันที่ 30-31 กรกฎาคม นอกจากนี้ นักลงทุนจะจับตาสถานการณ์ทางการเมืองในสหราชอาณาจักร ท่ามกลางความวิตกว่ามีความเสี่ยงมากขึ้นที่สหราชอาณาจักรจะถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปแบบไร้ข้อตกลง เนื่องจากผู้แข่งขันชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมีจุดยืนที่แข็งกร้าวในการเจรจาต่อรอง Brexit ซึ่งจะสร้างความผันผวนให้กับค่าเงินปอนด์ต่อไป
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ ตลาดจะติดตามการเปิดเผยยอดส่งออกเดือนมิถุนายนซึ่งคาดว่ายังคงหดตัวต่อเนื่อง ส่วนธปท.ระบุว่าพร้อมที่จะออกมาตรการเพิ่มเติมหากเงินบาทเคลื่อนไหวไม่สอดคล้องกับพื้นฐานทางเศรษฐกิจโดยยืนยันว่าเครื่องมือดูแลอัตราแลกเปลี่ยนจะเป็นมาตรการที่ตรงจุด ขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แสดงความกังวลต่อความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงินไทยในระยะยาว รวมถึงหนี้ภาคครัวเรือนซึ่งสะสมความเปราะบางเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ทางการประเมินว่าในปี 2563 เศรษฐกิจจะเติบโตได้ 3.7% จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วนของภาครัฐ ขณะที่การปรับลดดอกเบี้ยอาจไม่ได้บรรเทาผลกระทบของเงินทุนไหลเข้ามากนัก จากท่าทีดังกล่าว เรายังคงคาดว่ากนง.มีแนวโน้มตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.75% ตลอดปีนี้หากภาวะเศรษฐกิจในประเทศสามารถประคองตัวจากแรงหนุนด้านการคลังและการค้าโลกไม่เลวร้ายไปกว่าที่ประเมินไว้