ตำรวจสอบสวนกลางจับกุมหญิงวัย 36 ปี ผู้ต้องหาคดีบัญชีม้า เครือข่ายแก๊งสแกมเมอร์ หลอกเหยื่อลงทุนขายของผ่าน TikTok Shop สูญเงินกว่า 5 แสนบาท ก่อนหนีซ่อนตัวสนามบินกระบี่ ตรวจสอบพบมีประวัติเดินทางเข้าออกกัมพูชาถี่ยิบ น่าเชื่อมโยงขบวนการคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ พล.ต.ต.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง นำกำลังชุดปฏิบัติการ กก.7 บก.ทล. จับกุม น.ส.ศิรารัตน์ อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ 674/2568 ลงวันที่ 16 กรกฎาคม 2568
การจับกุมเกิดขึ้นบริเวณ ท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ ตำบลเหนือคลอง อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ หลังเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าผู้ต้องหาปรากฏตัวในพื้นที่ จึงเข้าตรวจสอบ แสดงตัว และควบคุมตัวได้โดยไม่มีการต่อสู้ ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ขุนทะเล จังหวัดสุราษฎร์ธานี ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ผู้ต้องหารายนี้ถูกกล่าวหาว่า สนับสนุนการฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, สนับสนุนการนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ และ ยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีเงินฝากของตน เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดอาญาอื่น

จากการสอบสวนคดีพบว่า ผู้เสียหายได้รู้จักกับคนร้ายผ่านบัญชี TikTok ที่ใช้รูปโปรไฟล์หญิงสาวหน้าตาดี ก่อนตีสนิทผ่านแอปพลิเคชันไลน์ และถูกชักชวนให้ร่วมลงทุนขายสินค้าผ่าน TikTok Shop เมื่อหลงเชื่อ ผู้เสียหายได้โอนเงินไปร่วมลงทุนรวมกว่า 500,000 บาท ต่อมาไม่สามารถถอนเงินออกได้ จึงเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.ขุนทะเล
พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้รวม 8 ราย และอยู่ระหว่างเร่งติดตามจับกุมที่เหลือ ซึ่ง น.ส.ศิรารัตน์ ถูกระบุว่าเป็น เจ้าของบัญชีม้า ที่ใช้รับโอนเงินจากผู้เสียหาย
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติการเดินทาง พบว่าในช่วงปี 2568 ผู้ต้องหามีประวัติเดินทางเข้าออกประเทศ กัมพูชามากกว่า 10 ครั้ง เจ้าหน้าที่เชื่อว่ามีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายแก๊งสแกมเมอร์หรือคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ
สอบถามคำให้การเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การ ภาคเสธ อ้างว่าเป็นเพียงผู้รับเปิดบัญชีให้ผู้อื่น โดยได้รับค่าตอบแทนเพียง 1,500 บาท

ตำรวจสอบสวนกลางขอย้ำเตือนประชาชนว่า การเปิดบัญชีธนาคารหรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ให้ผู้อื่นใช้ อาจเข้าข่ายเป็นตัวการร่วมในการกระทำความผิด และต้องรับโทษตามกฎหมายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พร้อมขอให้ประชาชนระมัดระวังการชักชวนลงทุนออนไลน์ที่ให้ผลตอบแทนสูงเกินจริง เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการมิจฉาชีพ.

