CIB รวบบัญชีม้าเคยทำงานปอยเปต เปิดบัญชีหนุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกเหยื่อดูคลิปสูญเงินนับพัน

74

ตำรวจสอบสวนกลางบุกรวบหนุ่มวัย 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแม่ฮ่องสอน หลังพบพฤติการณ์เคยถูกหลอกไปทำงานฝั่งปอยเปต ก่อนเปิดบัญชีธนาคารให้ขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ใช้หลอกประชาชนอ้างดูวิดีโอ–ส่งสติกเกอร์แลกรายได้ สุดท้ายเหยื่อสูญเงิน ไม่ได้เงินคืน

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. สั่งการให้ชุดปฏิบัติการนำโดย พล.ต.ต.ธีรชาติ ธีรชาติธำรง ผบก.ปพ. พร้อมเจ้าหน้าที่ กก.4 บก.ปพ. เข้าจับกุม นายเศรษฐพงศ์ หรือ “ต้าร์” อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ จ.91/2568 ลงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2568

การจับกุมเกิดขึ้นบริเวณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร หลังตำรวจสืบทราบว่าผู้ต้องหาหลบหนีมาพักอาศัยในพื้นที่ดังกล่าว เมื่อตรวจสอบ ผู้ต้องหารับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง และยังไม่เคยถูกจับกุมในคดีนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามกฎหมาย ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองแม่ฮ่องสอน ดำเนินคดีต่อไป

คดีนี้สืบเนื่องจากเหตุเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้เสียหายถูกมิจฉาชีพโทรศัพท์ชักชวนให้ดูวิดีโอและส่งสติกเกอร์ อ้างมีรายได้วันละ 300 บาท ก่อนหลอกให้โอนเงินเริ่มต้นหลายครั้งรวม 5 ครั้ง แต่ไม่ได้เงินคืน จึงเข้าแจ้งความ พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนขอศาลออกหมายจับในความผิดฐาน สนับสนุนการฉ้อโกงประชาชน สนับสนุนการนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีธนาคารเพื่อก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยี

จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ อ้างว่าเมื่อปลายปี 2566 เคยถูกหลอกผ่านเพจเฟซบุ๊กไปทำงานเป็นแอดมินเว็บพนันฝั่งประเทศกัมพูชา ถูกยึดพาสปอร์ตและบัตรประชาชน และถูกบังคับให้เปิดบัญชีธนาคาร ก่อนอาศัยจังหวะต่อพาสปอร์ตหลบหนีกลับประเทศไทย กระทั่งถูกจับกุมในที่สุด

ตำรวจสอบสวนกลางเตือนว่า การหลอกไปเปิดบัญชีในพื้นที่ปอยเปต เป็นหนึ่งในกระบวนการจัดหา “บัญชีม้า” ของขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ผู้ที่ยินยอมให้ใช้บัญชีหรือไปสแกนใบหน้าให้มิจฉาชีพ มีความผิดตาม พ.ร.ก.ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ อาจมีโทษสูงสุดถึง 15 ปี