โรงเรียนเซนต์ยอแซฟสกลนคร, วันที่ 25 ธันวาคม – กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับจังหวัดสกลนคร สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสกลนคร สำนักมิสซังโรมันคาทอลิกท่าแร่–หนองแสง และเครือข่ายภาคีทุกภาคส่วน จัด “งานประเพณีแห่ดาวคริสต์มาส จังหวัดสกลนคร ประจำปี ค.ศ. 2025” โดยมีนางสาวศศิธร กิตติธรกุล รมช.มหาดไทย เป็นประธาน และอาร์ชบิชอปอันตน วีระเดช ใจเสรี ผู้ปกครองสำนักมิสซังคาทอลิกท่าแร่ – หนองแสง เป็นประธานฝ่ายคริสตจักร พร้อมด้วยนายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา นางรณิดา เหลืองฐิติสกุล ผวจ.สกลนคร ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) คณะศาสนิกสัมพันธ์ ประชาชนเข้าร่วมจำนวนมาก ณ บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 และสำนักมิสซังโรมันคาทอลิกท่าแร่-หนองแสง

นายชัยพล กล่าวว่า กรมการศาสนา (ศน.) ร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดงานประเพณีแห่ดาวคริสต์มาส เพื่อสืบสาน รักษา และต่อยอดประเพณีทางศาสนาคริสต์ ควบคู่กับการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในมิติศาสนา และการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนและท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “เสน่ห์แห่งสีสัน เทศกาลแห่งศรัทธา” ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายด้านวัฒนธรรมของ รมว.วธ. ที่มุ่งเปิดพื้นที่การท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมใหม่ในชุมชน ภายใต้แนวคิด “ไท ไทย” อันเป็นการค้นพบคุณค่าและอัตลักษณ์ความเป็นไทยในมิติที่หลากหลาย ส่งเสริมให้ศาสนา วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของประชาชน เป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก และยกระดับเทศกาลประเพณีท้องถิ่นให้เป็น Soft Power ของประเทศ
อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า ประเพณีแห่ดาวคริสต์มาส สกลนคร ถือเป็นประเพณีสำคัญที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นและมีเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย เริ่มจัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2525 โดยมีจุดกำเนิดจากเหตุการณ์ในพระคัมภีร์ไบเบิล เพื่อเฉลิมฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้า และแสดงความขอบคุณต่อพระผู้เป็นเจ้าที่ทรงนำแสงสว่าง ความหวัง และความรอดพ้นมาสู่มวลมนุษยชาติ ปัจจุบันประเพณีดังกล่าวได้สืบทอดต่อเนื่องยาวนานกว่า 40 ปี กลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่หล่อหลอมวิถีชีวิต ความศรัทธา และความสามัคคีของชุมชนคริสตชนในจังหวัดสกลนคร โดยในปีนี้ พระศาสนจักรคาทอลิก ประกาศให้เป็นปีศักดิ์สิทธิ์ (Jubilee หรือ Holy Year) ใช้ชื่อว่า ปีศักดิ์สิทธิ์ ค.ศ.2025 “บรรดาผู้จาริกแห่งความหวัง” (Pilgrims of Hope)

สำหรับปีศักดิ์สิทธ์ มีการจัดขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1300 โดย สมเด็จพระสันตะปาปาโบนีฟาซที่ 8 เดิมกำหนดทุก 100 ปี ต่อมากำหนดให้เป็นทุก 50 ปี และปัจจุบันเป็นทุก 25 ปี เพื่อให้คริสตชนทุกคนมีโอกาสได้รับพระคุณการุณในโอกาสปีศักดิ์สิทธิ์ นอกจากปีศักดิ์สิทธิ์ปกติแล้ว ยังมีปีศักดิ์สิทธิ์พิเศษ ซึ่งสมเด็จพระสันตะปาปาสามารถประกาศได้ตามโอกาสสำคัญ เช่น ปีแห่งเมตตาธรรม หรือการเน้นหัวข้อเฉพาะด้านความเชื่อหรือสถานการณ์ของโลก เป้าหมายสำคัญของพระศาสนจักรคาทอลิกในปีศักดิ์สิทธิ์ คือส่งเสริมให้คริสตชนมีช่วงเวลาพิเศษแห่งการมีประสบการณ์กับองค์พระเยซูคริสตเจ้า และสำนึกใน “พระเมตตา” ของพระองค์ เพราะพระองค์เปรียบเสมือน “ประตู” แห่งความรอดพ้นของมนุษย์ และเตือนใจว่า พระศาสนจักรมีพันธกิจ ในการนำ พระเยซูเจ้าองค์แห่งความหวังสำหรับทุกคน
นายชัยพล กล่าวว่า สัญลักษณ์สำคัญของปีศักดิ์สิทธิ์คือ การเปิด “ประตูศักดิ์สิทธิ์” (Holy Door) ของมหาวิหารหลัก เพื่อสื่อถึงการก้าวผ่านไปสู่ชีวิตใหม่ในพระคริสตเจ้า ปีศักดิ์สิทธิ์จึงถือเป็นปีแห่งรักเมตตา ความยุติธรรมและการเริ่มต้นใหม่ ซึ่งปฏิบัติสืบต่อกันเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้ประเพณีแห่ดาวคริสต์มาสในปีนี้จึงยิ่งใหญ่เป็นพิเศษ โดยมีกิจกรรมประกอบด้วย การจัดทำขบวนรถแห่ดาวคริสต์มาสกว่า 100 คัน ภายใต้แนวคิด “เสน่ห์แห่งสีสัน เทศกาลแห่งศรัทธา” โดยขบวนรถดังกล่าวได้รับการออกแบบ และตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง สะท้อนอัตลักษณ์ของเทศกาลคริสต์มาส ความงดงามทางศิลปวัฒนธรรม และความศรัทธาทางศาสนาคริสต์ นับเป็นขบวนรถแห่ดาวงคริสต์มาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

พร้อมกันนี้ ได้จัด กิจกรรมการประกวดอินฟลูเอนเซอร์ ภายใต้หัวข้อ “Christmas Star Creator 2025” เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชน และประชาชนทั่วไปมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์เนื้อหาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อประชาสัมพันธ์ และเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับศาสนาคริสต์ และประเพณีแห่ดาวคริสต์มาส ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของคนรุ่นใหม่ในการสืบสานวัฒนธรรมทางศาสนา พร้อมกิจกรรมการประกวดประดับตกแต่งอาคารบ้านเรือน ภายใต้หัวข้อ “เสน่ห์แห่งสีสัน เทศกาลแห่งศรัทธา ดวงดาวแห่งความหวัง” การเปิดบูธสาธิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของที่ระลึก และการจัดทำนิทรรศการองค์ความรู้เกี่ยวกับงานประเพณีแห่ดาวคริสต์มาส สกลนคร ผ่านเทคโนโลยีสร้างสรรค์ และจัดกิจกรรมขบวนแห่ดาวมือถือของชุมชนท่าแร่–หนองแสง กว่า 1,000 ดวง ในรูปแบบการเดินขบวนแห่ดาวเล็กแบบดั้งเดิม
อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า การจัดงานประเพณีแห่ดาวคริสต์มาส จังหวัดสกลนคร ประจำปี ค.ศ. 2025 จะเป็นกลไกสำคัญในการสืบสาน อนุรักษ์ และต่อยอดมรดกทางวัฒนธรรมและศาสนาคริสต์อันทรงคุณค่าให้คงอยู่คู่สังคมไทย พร้อมทั้งเป็นเวทีในการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคศาสนา ภาคเอกชน และภาคประชาชน ในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในมิติศาสนาให้เติบโตอย่างยั่งยืน อันจะนำไปสู่การสร้างรายได้ กระจายโอกาสทางเศรษฐกิจสู่ชุมชน เสริมสร้างความเข้มแข็งของสถาบันศาสนา และสะท้อนภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะสังคมพหุวัฒนธรรมที่อยู่ร่วมกันอย่างสันติ สมานฉันท์และเปี่ยมด้วยคุณค่าแห่งศรัทธาและวัฒนธรรมสืบไป

