กรุงเทพฯ, วันที่ 26 ธ.ค. – นายจาตุรนต์ ฉายแสง ในฐานะประธานคณะกรรมการรณรงค์สื่อสารประชามติและรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน พรรคเพื่อไทย แถลงถึงวัตถุประสงค์ความเป็นมา และเป้าหมายในการทำงานที่จะทำต่อไปของ คกก.รณรงค์ฯ ว่า พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับการผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาโดยตลอด เมื่อกระบวนการมาถึงขั้นตอนที่จะมีการจัดทำประชามติในวันเดียวกันกับการเลือกตั้งทั่วไป ที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 การจัดทำประชามติในครั้งนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า หากผ่านความเห็นชอบของประชาชนก็จะเกิดความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และเป็น “ต้นทุนทางสังคมและทางการเมือง” ที่รัฐสภาจะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต่อไป แต่หากการจัดทำประชามติในครั้งนี้ไม่ผ่านความเห็นชอบของประชาชน อาจจะมีผลเสียถึงขั้นทำให้การทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่เกิดขึ้นได้อีกเลย ซึ่งจะส่งผลเสียหายต่อประเทศชาติและประชาชนไปอีกยาวนาน
พรรคเพื่อไทยเข้าใจเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.ประชามติพ.ศ. 2564 แก้ไขเพิ่มเติมพ.ศ. 2568 ที่รับรองและส่งเสริมให้ประชาชนพรรคการเมืองกลุ่มองค์กรเอกชนและกลุ่มต่างๆในสังคมใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญรณรงค์ในการออกเสียงประชามติได้อย่างเสรี และเสมอภาคเท่าเทียมกัน คกก.รณรงค์ฯ จึงมีเป้าหมายอย่างชัดเจน ที่จะรณรงค์ชี้แจงทำความเข้าใจต่อประชาชนให้กว้างขวางที่สุด เพื่อให้การทำประชามติในครั้งนี้ได้รับความเห็นชอบจากประชาชน โดยพร้อมเปิดเวทีสาธารณะ รวมพลังเครือข่ายทุกภาคส่วน และรณรงค์ทั่วประเทศทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ โดยในเวทีปราศรัยและการหาเสียงของพรรคเพื่อไทย จะมีการสื่อสารเรื่องประชามติเข้าไปเสริมอย่างเป็นระบบ

นายจาตุรนต์ กล่าวว่า คณะกรรมการฯ เห็นว่าประเด็นเร่งด่วนที่สุดในขณะนี้คือ หลังมีการประกาศระเบียบ กกต. แล้ว สังคมยังไม่เห็น “ความชัดเจน” จาก กกต. ในการวางหลักเกณฑ์และจัดกระบวนการให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลอย่างเป็นระบบ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการสื่อสารบางลักษณะทำให้สังคม เข้าใจผิด ว่า พรรคการเมืองหรือผู้สมัคร “รณรงค์ประชามติไม่ได้” ทั้งที่ข้อเท็จจริงตามกฎหมาย ไม่ได้เป็นเช่นนั้น
“ผมขอย้ำให้ชัดว่า ข้อห้ามเรื่อง ห้ามชี้นำ ในกฎหมายประชามติ เป็นข้อห้ามที่มุ่งกับหน่วยงานรัฐหรือผู้ทำหน้าที่เผยแพร่ข้อมูลของรัฐ สรุปให้เข้าใจง่ายคือ ห้าม กกต.ชี้นำ ขณะเดียวกันกฎหมายรับรองว่าพรรคการเมือง และประชาชนสามารถรณรงค์ได้ ตามมาตรา 17 โดยรณรงค์ได้อย่างเสรีและเท่าเทียม ดังนั้นวันนี้ คกก.รณรงค์ จึงทำหนังสือถึงกกต. เพื่อเรียกร้องให้เร่งกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และแนวปฏิบัติที่ชัดเจนและเป็นธรรม เพื่อให้ทุกฝ่ายรณรงค์ได้โดยไม่สับสน และไม่ปล่อยให้ความไม่ชัดเจนกลายเป็นการปิดกั้นทางอ้อม” ประธาน คกก.รณรงค์ฯ เพื่อไทยระบุ

ทั้งนี้เขายังกล่าวด้วยว่า คณะกรรมการเห็นว่า การจะทำให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารเกิดความเข้าใจ และเห็นความสำคัญ ของการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในการทำประชามติครั้งนี้ ไม่อาจประสบความสำเร็จได้โดยพรรคการเมืองหนึ่งพรรคการเมืองใด หรือกลุ่มองค์กรหนึ่งองค์กรใดตามลำพัง พรรคเพื่อไทยจึงพร้อมที่จะร่วมมือกับพรรคการเมืองกลุ่มองค์กรต่างๆและประชาชนทั่วไป โดยเรายินดีจะเข้าร่วมทำเรายินดีจะเข้าร่วมทำกิจกรรม กับทุกภาคส่วนในทุกเวทีที่สามารถทำได้ กับทุกภาคส่วนในทุกเวทีที่สามารถทำได้
ดังนั้น หลังจากนี้ “กิจกรรมรณรงค์” จึงไม่ใช่เรื่องประกอบ แต่คือภารกิจสำคัญที่จะกำหนดอนาคตประชาธิปไตยของประเทศ คณะกรรมการฯ จึงขอทุ่มเททำงานเต็มที่ควบคู่กับการเลือกตั้ง เพื่อไม่ให้ความพยายามจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ถูกปิดประตูตาย หรือถูกกลบฝังจนหมดพลังเดินหน้าต่อ เราจึงไม่อาจหมดหวัง แม้ว่าจะมีอุปสรรคขวากหนามอีกมากมายรออยู่ข้างหน้าก็ตาม สุดท้ายนี้จึงขอเชิญชวนทุกพรรคการเมือง ทุกองค์กรภาคประชาชน ภาคเอกชน นักวิชาการ สื่อมวลชน และประชาชนทุกคน ช่วยกันทำให้ประชามติครั้งนี้เป็น “วาระร่วมของประเทศ” ช่วยกันอธิบาย ช่วยกันรณรงค์ และชวนกันออกไปใช้สิทธิให้มากที่สุด เพราะถ้าทุกฝ่ายช่วยกัน ประชามติครั้งนี้จะผ่าน และประเทศไทยจะได้เริ่มต้นเส้นทางสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง

