ตำรวจภูธรภาค 2 เร่งเครื่องปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเชิงรุก เดินหน้าโครงการ “Money Cash Back” ตัดวงจรบัญชีม้า–ขบวนการเดินเงินสด ก่อนเงินไหลออกนอกประเทศ สามารถติดตามและคืนเงินผู้เสียหายได้กว่า 1.17 ล้านบาท สร้างความเชื่อมั่นเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน

ตำรวจภูธรภาค 2 เดินหน้าปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างเข้มข้น ภายใต้นโยบาย “Money Cash Back : ปันสุขปีใหม่ คืนเงินให้ผู้เสียหายคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี” มุ่งเร่งรัดติดตามทรัพย์สินและคืนความเป็นธรรมให้ประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม
เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2568 เวลา 10.00 น. พล.ต.ต.เอกภพ อินทวิวัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 และโฆษกตำรวจภูธรภาค 2 เปิดเผยผลการดำเนินงานตามโครงการดังกล่าว ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของ พล.ต.ท.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ที่เน้นการทำงานเชิงรุก ตัดวงจรการเงินของกลุ่มมิจฉาชีพ และเร่งคืนเงินให้ผู้เสียหายโดยเร็วที่สุด

โดยตำรวจภูธรภาค 2 ผ่านศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ร่วมกับ สถานีตำรวจภูธรเสม็ด จังหวัดชลบุรี สามารถขยายผลสืบสวน ทลายเครือข่ายบัญชีม้า คอกม้า และขบวนการเดินเงินสดของกลุ่มอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ก่อนที่เงินจะถูกโอนออกนอกประเทศ พร้อมติดตามทรัพย์สินและนำเงินสดคืนสู่มือผู้เสียหายได้อย่างเป็นรูปธรรม
พล.ต.ท.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ ผบช.ภ.2 ระบุว่า การดำเนินการครั้งนี้เป็นการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเชิงรุก มุ่ง “ตัดวงจรการเงิน” ของคนร้ายควบคู่กับการคืนความเป็นธรรมให้ผู้เสียหายโดยเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความอุ่นใจให้แก่ประชาชน พร้อมย้ำว่าตำรวจจะไม่ปล่อยให้เงินของประชาชนตกอยู่ในมือมิจฉาชีพ
สำหรับคดีสำคัญ เจ้าหน้าที่ได้แฝงตัวสืบสวนผ่านเครือข่ายสื่อสังคมออนไลน์ ตรวจพบการลักลอบซื้อ–ขายและเช่าบัญชีม้า ก่อนขยายผลจับกุมผู้ต้องหาได้หลายเครือข่าย ตรวจยึดเงินสดรวมกว่า 1.5 ล้านบาท พร้อมของกลางจำนวนมาก และสามารถทยอยคืนเงินให้ผู้เสียหายหลายรายอย่างครบถ้วน
สรุปผลการดำเนินงาน คืนเงินผู้เสียหายรวม 1,177,063.04 บาท, อายัดเงินในระบบได้มากกว่า 1.4 ล้านบาท, เชื่อมโยงคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 81 คดีรวมมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 80 ล้านบาท

โฆษกตำรวจภูธรภาค 2 ย้ำว่า ความสำเร็จครั้งนี้สะท้อนถึงการทำงานเชิงรุกและการบูรณาการของทุกหน่วยในพื้นที่ โดยเฉพาะตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรีและ สภ.เสม็ด ที่สามารถ “กระชากเงินคืนจากมือมิจฉาชีพ” ก่อนถูกโอนออกนอกประเทศ นำเงินกลับคืนสู่เจ้าของที่แท้จริง เปรียบเสมือน ของขวัญปีใหม่ เพื่อคืนความเชื่อมั่นและสร้างความอุ่นใจให้กับพี่น้องประชาชนอย่างยั่งยืน

