“อนุทิน” นำดรีมทีมภูมิใจไทย ประกาศนโยบาย แก้ปัญหา ศก.-มั่นคง-สังคม-ภัยพิบัติ ลั่น ภท.มีประสบการณ์พร้อมบริหารปท. ทุกมิติ ชู คนละครึ่งพลัส -จีดีพี 3%พลัส -ค่าไฟต่ำ 3 บาท-สูงวัยมีรายได้-กำแพงแนวชายแดน-ทหารอาสา

147

ที่โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์, วันที่ 24 ธันวาคม – นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แถลงนโยบายสำหรับเลือกตั้ง โดยมี นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รมว.คลัง, นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์, นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย และ รมว.ดีอี, และนางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมว.วัมนธรรม พร้อมว่าที่ผู้สมัครพรรคภูมิใจไทย ทั่วประเทศ ทั้งระบบเขตเลือกตั้ง และระบบบัญชีรายชื่อเข้าร่วม

การแถลงนโยบายพรรคภูมิใจไทย ภายใต้ 4 ปัญหาหลัก คือ เศรษฐกิจ ความมั่นคง สังคม และภัยพิบัติ โดยมีนโยบายสนับสนุนเพื่อแก้ไขปัญหาที่น่าสนใจ ประกอบด้วย คนละครึ่งพลัส , นำเศรษฐกิจเติบโต จีดีพี 3%พลัส , เศรษฐกิจสีเขียว, บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ+ (บัตรคนจนใหม่), ค่าไฟต่ำ3บาท, รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า, Barter trading (เช่นซื้อเครื่องบิน จ่ายด้วยสินค้าเกษตร ผลผลิตไม่ตกค้าง), จ้างผู้สูงอายุทำงาน (สูงวัยมีรายได้), พยาบาลอาสา (15,000/4ปี ลูกหลานกลับบ้านมีงานทำ ดูแลผู้สูงวัยถึงที่), กองทุนภัยพิบัติ, เรียนฟรีต้องมีจริง, สร้างกำแพงความมั่นคง ปกป้องคนไทย จากภัยคุกคาม สกัดลักลอบนำเข้า, ทหารอาสา 1 แสนอันตรา เงินเดือน 12,000 บาท Up-skill  Re-skill เป็นนายสิบ และศูนย์บำบัดยาเสพติดทุกอำเภอ เป็นต้น

อนุทิน ลั่น ภท. มีประสบการณ์ พร้อมบริหารประเทศทุกมิติ คนละครึ่งพลัสไปต่อ

นายอนุทิน กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นการเลือกตั้งที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ประชาชนเผชิญความไม่มั่นคงรอบด้าน ทั้งด้านความปลอดภัย เศรษฐกิจ และสังคม พรรคภูมิใจไทยมีความพร้อมสูงสุดจากประสบการณ์การบริหารประเทศในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สาธารณสุข ความมั่นคง การต่างประเทศ และการค้า โดยยืนยันว่าพรรคไม่ใช่พรรคการเมืองที่ต้องทดลองทำงาน แต่เป็นพรรคที่ผ่านวิกฤตมาแล้วทั้งโรคระบาด ภัยพิบัติ และภัยความมั่นคง พร้อมทำงานได้ทันที ทำได้จริง และทำได้อย่างรวดเร็ว

“คนไทยกลัวไม่มีกิน กลัวธุรกิจเจ๊ง กลัวแก่แล้วไม่มีเงินใช้ กลัวหาเงินไม่พอที่จะเลี้ยงครอบครัว กลัวมีลูกแล้วเข้าโรงเรียนดีๆ ไม่ได้ กลัวสแกมเมอร์ กลัวคนในครอบครัวติดพนัน กลัวยาเสพติด กลัวน้ำท่วม ฝนแล้ง ไฟป่า แต่ที่ไม่ต้องกลัวแล้ว คือ การเสียอธิปไตย” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกล่าว

นายอนุทิน เน้นย้ำถึงนโยบายด้านความมั่นคง โดยเสนอแนวคิด “รั้วของชาติ” เพื่อปกป้องประเทศจากภัยคุกคามทุกรูปแบบ ทั้งทางทหาร เศรษฐกิจ และสังคม เช่น การลักลอบนำของเถื่อน สินค้าเกษตร แรงงานผิดกฎหมาย ยาเสพติด เครือข่ายสแกมเมอร์ กาสิโน และทุนสีเทา นอกจากนี้ยังมีนโยบายทหารอาสา รับสมัคร 100,000 คน ระยะเวลา 4 ปี มีค่าตอบแทนเดือนละ 12,000 บาท เพื่อสร้างกำลังพลที่สมัครใจ มีโอกาสศึกษาต่อหรือสอบเลื่อนตำแหน่งเป็นนายสิบ และตำแหน่งที่สูงขึ้น ในอนาคต

นายอนุทิน กล่าวว่า หากพรรคภูมิใจไทยได้กลับมาบริหารประเทศ จะมีการจัดทีมบริหารอย่างชัดเจน แยกงานตามความถนัด โดยนายสีหศักดิ์ ดูแลงานด้านการต่างประเทศ นางศุภจี ดูแลด้านพาณิชย์ การค้า และอุตสาหกรรม และนายเอกนิติ รับผิดชอบงานด้านเศรษฐกิจและการคลัง ซึ่งภารกิจของพรรคภูมิใจไทยคือการเข้ามาสร้างความมั่นคงในชีวิตทุกด้านให้กับประชาชน ทำให้คนไทยพ้นจากความรู้สึกหวั่นไหวต่อภัยคุกคาม และกลับมามีความมั่นใจในการดำรงชีวิต พร้อมเสนอตัวเป็นผู้บริหารประเทศในอีก 4 ปีข้างหน้า เพื่ออนาคตที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนของคนไทยทุกคน ทั้งนี้ขอยืนยันหากกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งจะทำโครงการคนละครึ่งพลัส พร้อมมาตรการทางการคลังอื่นๆ 

“สีหศักดิ์” ชู “ไทยเป็นไท” ฟื้นศักดิ์ศรีชาติ ผงาดเวทีโลก

นายสีหศักดิ์ ระบุว่า การต่างประเทศที่เข้มแข็งจะทำให้เราพ้นวิกฤต สู่ความมั่นคงยิ่งขึ้น และจะทำให้ประชาชนมีกินมีความก้าวหน้า ปัญหาชายแดนกับกัมพูชา เรามาถูกทางแล้ว เพราะเรามีผู้นำที่เข้มแข็ง และ การขับเคลื่อนที่อยู่ในทิศทางเดียวกันระหว่างการทหารกับการทูต การพูดคุยจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายแสดงความพร้อมและความจริงใจเท่านั้น ในช่วง 4 ปีข้างหน้า ประเทศไทยต้องหลุดพ้นจากวงจรความขัดแย้ง และกลับมามีบทบาทบนเวทีระหว่างประเทศอย่างสง่างาม การต่างประเทศไม่ใช่เรื่องไกลตัว เพราะเกี่ยวพันโดยตรงกับคุณภาพชีวิต ความเป็นอยู่ และโอกาสทางเศรษฐกิจของประชาชน

นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า นโยบายต่างประเทศ ต้องมีเป้าระยะยาว โดยตัองแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปพร้อมกัน ยึดหลัก ความสมดุลทางการทูต ลดแรงปะทะ สร้างเสถียรภาพในภูมิภาค เพื่อให้เกิดความมั่นคงตามแนวชายแดน การเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ และการลงทุนอย่างยั่งยืน ซึ่งความมั่นคงของประเทศไทย ต้องเดินไปพร้อมกับความมั่นคงของประเทศเพื่อนบ้าน หากภูมิภาคสงบ การลงทุนและยุทธศาสตร์ระยะยาวก็จะเกิดขึ้นได้ ไทยต้องรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกขั้วอำนาจ ขณะเดียวกัน ต้องไม่ทิ้งอาเซียน ซึ่งเป็นฐานสำคัญของภูมิภาค

นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า การทูตไทยต้องเป็นการทูตเชิงรุก ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ ความมั่นคง การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ สแกมเมอร์ ค้ามนุษย์ และยาเสพติด โดยเราต้อง มีบทบาท ในการทำให้โลกนี้ดีขึ้น เพื่อให้ไทย เข้าไปมีบทเด่นในเวทีโลก สุดท้ายคือ การยืนยันคุณค่าของประเทศไทยในฐานะ ประเทศประชาธิปไตย ที่ประชาชนมีส่วนร่วมในการรับรู้ทิศทาง การต่างประเทศต้องโปร่งใส และได้รับการสนับสนุนจากประชาชน “เป้าหมายของเรา คือทำให้ประเทศไทยกลับมายืนอยู่แถวหน้าของสังคมโลก อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และผลักดันผลประโยชน์ของชาติในทุกมิติ ให้ ไทยเป็นไท อย่างแท้จริง บนเวทีโลก”

“เอกนิติ” ตั้งเป้า จีดีพี โต 3 % ด้วย 10 พลัส

นายเอกนิติ นำเสนอนโยบายเศรษฐกิจโดยคาดว่าอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ จะเป็น 3 % พลัส จะเป็นปีแห่งการนำพาเศรษฐกิจไปสู่ การเติบโตทั่วถึง มีคุณภาพ และเติมศักยภาพ โดยได้เสนอนโยบาย นโยบาย เศรษฐกิจ 10 พลัส ประกอบด้วย 1.เติมชีวิตให้คนตัวเล็กแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เติมชีวิตให้คนตัวเล็ก 13 ล้านราย บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ พลัส คนละครึ่งพลัส พันธบัตรรัฐบาล ออมพลัส ค่าไฟไม่เกิน 3 บาทต่อหน่วย (200 หน่วยแรก) ปิดหนี้ไว ไปต่อได้ (AMC) , 2. แมดอินไทยแลนด์ SMEs พลัส เติมทุนให้ ค้ำประกันไว สู้ได้ทุกที่ ผู้สูงวัยพลัส ทักษะดี มีงาน มีเงิน มีคนดูแล

3.ลงทุนพลัส เพิ่มการลงทุน รัฐร่วมทุน กระตุ้นโตยาว 4.ผลิตได้ ขายออก พลัส ผลิตของที่ใช่ ขายของที่คนชอบ ตอบโจทย์ทุกคน 5. Trade พลัส ค้าขายฉลาด อัพเกรดการผลิต 6.เศรษฐกิจสีเขียว พลัส เพราะรักษ์โลกคือทางรอด และเป็นทางรวย อย่างยั่งยืน 7.ดิจิทัล AI พลัส AI ถึงมือ งานถึงตัว เงินถึงบ้าน 8.การศึกษาเท่าเทียม พลัส เรียนฟรีมีจริง มีงานเรียนฟรีทุกที่ทุกเวลา 9.สูงวัยพลัส ทักษาะดี มีงาน มีเงิน มีคนดูแล 10.ไทยแลนด์ พลัส รัฐฉับไว เศรษฐกิจใหม่ คนไทยแฮปปี้

“ศุภจี” โชว์นโยบายการค้าสมัยใหม่ หาประโยชน์ร่วม เปลี่ยนคู่ค้าเป็นพันธมิตร ช่วยสินค้าเกษตร

นางศุภจี กล่าวเสนอแนวทาง “ชูเกษตรมั่นคง” โดยระบุว่า แนวทางการสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ เช่น ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์  เครื่องบินรบ เรือดำน้ำ เรือฟรีเกต อาวุธต่างๆ แม้กระทั่งเครื่องบินพาณิชย์ ต้องต่อรองโดยให้ซื้อข้าว หรือสินค้าการเกษตร จากประเทศไทย หลักการคือ ต้องหาประโยชน์ร่วม ไม่ใช่หาประโยชน์ฝ่ายเดียวโดยการเจรจาต่อรองให้เขาซื้อข้าว หรือสินค้าการเกษตร  ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว จะเป็นช่องทางระบายสินค้าการเกษตร ไม่มีสินค้าการเกษตรตกค้าง  

นอกจากนี้ นางศุภจี ยังเสนอแนวทางการแก้ปัญหาสินค้าเกษตร อีกหลายมาตรการ ประกอบด้วย การเชื่อมการค้าโลก ชูเกษตรมั่นคง, ติดปีก SME, มุ่งอุตสาหกรรมอนาคต , ขายสินค้าภาคเกษตร มีมูลค่าสูง สนับสนุนการผลิต ให้ตรงความต้องการของตลาด เน้นพืชมูลค่าสูง ด้วยการรักษาแบรนด์ ปลูกสินค้าเกษตรท้ายไร่ที่มีมูลค่าสูงขึ้น จัดโซนการเพาะปลูก ผลิตได้ ขายออก ยกระดับเศรษฐกิจชุมชน 77 จังหวัด และแนวทางเปลี่ยนคู่ค้า เป็นพันธมิตร หรือหุ้นส่วนทางการค้า นำไทยไปฝังในห่วงโซ่ อุปสงค์- อุปทาน ของประเทศที่เราจะเข้าไปอยู่กับเขา  ประเทศไทยจะเป็นพันธมิตรทุกคนในโลก เช่นกรณีอินเดีย  ขายสินค้าเคมีภัณฑ์ ให้เขาแปรรูปแล้วเอาไปขายต่อประเทศอื่นๆ  เราจะเข้าไปร่วมผลิตกับเขา และการมุ่งอุตสาหกรรมอนาคต New S-Curve

ซาบีดา เสนอ สูงวัย พลัส 4 มาตรการ ยกระดับคุณภาพชีวิต สว.

นางสาวซาบีดา กล่าวถึงนโยบาย สูงวัย พลัส โดยนำเสนอ 4 มาตรการคือ สูงวัยพลัส 1 จ้างงานผู้สูงอายุ นำมาลดหย่อนเป็นค่าใช้จ่ายได้ 2 เท่า สูงสุด 30,000 บาท, สูงวัยพลัส 2 สำหรับผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เกิน 1.5 ล้านบาทต่อปี ได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุดร้อยละ 50 สูงวัยพลัส 3 “1 หมู่บ้าน 1 พยาบาลอาสา” เพื่อดูแลผู้สูงอายุและหญิงตั้งครรภ์ จำนวน 100,000 อัตรา เงินเดือน 15,000 บาท สัญญาจ้างงานขั้นต่ำ 4 ปี, สูงวัยพลัส 4 สร้างศูนย์ดูแลผู้สูงอายุครบวงจรครอบคลุมทั่วประเทศ

“60 พลัส เกษียณสำราญ มีงานทำ เป็นกำลังสำคัญของประเทศ  พรรคภูมิใจไทย เชื่อมั่นว่านโยบายสูงวัยพลัสทั้ง 4 นโยบายนี้ จะทำให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีรายได้เพิ่มขึ้น มีงานทำเพิ่มขึ้น และยิ้มได้พลัสขึ้นอย่างแน่นอน” นางสาวซาบีดา กล่าว