ทันที ที่ปี่กลองเลือกตั้งดังขึ้น “นิสัยเดิมๆ”ของนักการเมืองที่ปราศจากจุดยืน ไร้รากอุดมการณ์ ที่สำคัญไม่มีประชาชนอยู่ในสมการความคิด ได้ปรากฎเด่นชัด
การย้ายค่าย เปลี่ยนพรรค หักหลัง ไม่มั่นคงจึงปรากฎให้เห็นเป็นระยะ ราวกับว่าประชาชนต้องผูกกับตระกูลนั้นนามสกุลนี้อยู่ร่ำไป ทำให้ราคาค่าหัว หรือตำแหน่งแห่งที่หลังจากนี้มีการจับจองจากเจ้าที่ไว้หมดแลัว
ถามว่าต้องเป็นคนแบบไหนที่แบบอยู่พรรคเก่าตีกันแทบตาย พอไหลมารวมกันแบบฝนตกขี้หมูไหล กลับไม่ตีกัน สามัคคีกันเฉย ถ้าไม่ใช่เงิน ไม่ใช่ตำแหน่ ไม่ใช่สัมปทาน ไม่ใช่การแบ่งเค้กจากภาษีประชาชน คนพวกนี้จะไหลมารวมกันหรือ?
ถึงเวลาที่ประชาชนต้องสั่งสอนคนที่ไม่มีกระดูกสันหลัง ไม่ยึดมั่นอุดมการณ์ไม่ให้กลับมาเป็น สส. เพราะเขาก็ไปขอตำแแหน่งไปหากิน ไปหาช่องให้เขาท้องอิ่มมากขึ้น อย่าเห็นแก่กระสุนไม่กี่บาท เงินพวกนี้ส่วนใหญ่ไม่โกงก็ทุจริตมาทั้งนั้น ไม่มีใบเสร็จ ไม่มีที่มา อาจแปลงจากใต้โต๊ะหรือจัดซื้อจัดจ้างที่สวมบริษัทตัวเองเข้าไป ไม่มีใครรักประชาชนแบบลมปากเขาพูดหรอก
มึนักวิชาการท่านนึงได้สำรวจการเมืองไทย ด้วยการไปย้อนพฤติกรรมการขายตัวแบบหนักๆ เพิ่งเป็นประวัติศาสตร์ที่มีความถี่มาเกิดในช่วงหลังการเลือกตั้ง2562 นี่เอง ไม่รู้เชื้อติดกันแบบใด จะมีสส.ประเภท “หาเงินพิเศษ”จากการยกมืโอหวตทุกมิติ ครั้งละกี่แสนกี่ล้านว่าไป เพราะรัฐบาลตอนนั้นเกินเสียงกึ่งหนึ่งมานิดเดียว ทำให้ค่ายกมือเริ่มมีราคา แลกกับเสถียรภาพรัฐบาลโดยรวม บวกกับรัฐธรรมนูญเปิดช่องให้เกิดงูได้ง่าย ๆ ย้ายค่ายได้สะดวก เราจึงได้เห็นนักกินเมืองเหล่านี้มีที่ยืน แล้วทำให้ฝนตกครั้งนี้มีคนสันดานเดียวกันไหลๆมารวมกัน!
ดังนั้น วิธีง่ายสุดใน8 กุมภาพันธ์ ปากกาของพวกท่านมีพลานุภาพสูงมาก ทำลายล้างแบคทีเรียทางการเมืองเหล่านี้ได้ อย่าปล่อยให้เขาเอาเงินฟาดที่หัวคุณ1ครั้ง แล้วพอมีเลือกตั้งเขาเอาเงินที่ไปเล่นแร่แปรธาตุมาฟาดคุณอีกตอนเลือกใหม้ วนไปอยู่แบบนี้ไม่รู้จบ บางทีที่บ้านเกิดพวกคุณไม่ได้พัฒนาไปไกลกว่านี้ เพราะบางทีคนนามสกุลดังๆประจำถิ่นคุณอาจนั่งขวาง ทำงานไม่เป็นไร้วิสัยทัศน์ ถนัดแต่ใช้กระสุน เอาเงินปิดปาก แล้วก็ไหลๆไปกับสิ่งปฏิกูลทางการเมืองไปสร้างอัตราต่อรองในพรรคที่รองรับฝนตกขึ้หมูไหล ประชาชนอย่างเราๆ ถามตัวเองเถอะครับ “พอได้หรือยัง” แล้วช่วยไปสั่งสอนนักกินเมืองพรรค์นี้ที!!!!
