เร่งไล่ล่า! ผบช.น. ชี้ปมจ่อยิงดับคารถย่านด่านประชาชื่น เหตุขับปาดหน้า เร่งล่ามือปืนขับอัลพาร์ดหนีลงใต้

140

ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเผยความคืบหน้าเหตุยิงกันบนทางด่วนศรีรัชใกล้ด่านประชาชื่น เบื้องต้นเป็นเหตุเฉพาะหน้า จากการขับรถปาดหน้ากันก่อนก่อเหตุ พบผู้ต้องหาหลบหนีมุ่งหน้าภาคใต้ สั่งระดมชุดสืบสวนไล่กล้องวงจรปิดล่าตัวด่วน

กรณีเหตุยิงกันบริเวณทางด่วนพิเศษศรีรัช ใกล้ด่านเก็บเงินประชาชื่น เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ล่าสุด พลตำรวจโทสยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เปิดเผยภายหลังเรียกประชุมชุดสืบสวนของ สน.ประชาชื่น พร้อมสอบปากคำพยานและแฟนสาวของผู้เสียชีวิต ว่า จากการตรวจสอบพยานหลักฐานเบื้องต้น คาดว่าปมเหตุเกิดจากการขับรถปาดหน้ากันบนท้องถนน

ผบช.น. ระบุว่า จากแนวทางการสอบสวนพบว่า รถของผู้ก่อเหตุและรถของผู้เสียชีวิตมีพฤติกรรมขับปาดหน้ากัน ก่อนถึงด่านเก็บเงินประมาณ 500 เมตร กระทั่งหลังผ่านด่าน รถของผู้ก่อเหตุได้ชะลอความเร็ว ก่อนขับเข้าประกบด้านข้าง แล้วใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงใส่รถผู้เสียชีวิตรวม 3 นัด กระสุนเข้าบริเวณลำคอ 1 นัด และแขน 2 นัด ส่งผลให้ผู้ถูกยิงเสียชีวิต ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะเร่งเครื่องหลบหนีไป

ภายหลังเกิดเหตุ ตำรวจได้ระดมกำลังชุดสืบสวนจากหลายหน่วย ทั้งกองบังคับการสืบสวน บช.น., สืบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 และชุดสืบสวน สน.ประชาชื่น เร่งติดตามรถคันก่อเหตุ โดยเบื้องต้นทราบเส้นทางหลบหนีว่า มุ่งหน้าไปตามถนนพุทธมณฑลสาย 7 ก่อนจะเคลื่อนตัวลงสู่พื้นที่ภาคใต้

นอกจากนี้ ผบช.น. เปิดเผยถึงการสอบปากคำแฟนสาวของผู้เสียชีวิต ซึ่งนั่งมาในรถคันเดียวกันว่า ให้การอ้างว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีปากเสียงทะเลาะกับผู้เสียชีวิต และเดินทางไปบ้านเพื่อนในพื้นที่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จากนั้นผู้เสียชีวิตได้ขับรถมาจากย่านเพชรเกษม เพื่อไปรับกลับบ้าน ก่อนจะมาเกิดเหตุรุนแรงดังกล่าว

ขณะเดียวกัน ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนเร่งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตลอดเส้นทาง ทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุ เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดี โดยเบื้องต้นพบว่า ชื่อผู้ต้องสงสัยสอดคล้องกับชื่อผู้ครอบครองรถคันก่อเหตุ และเป็นบุคคลธรรมดา ไม่ใช่บุคคลมีชื่อเสียง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุซึ่งหน้า จากอารมณ์ฉุนเฉียวบนท้องถนน อย่างไรก็ตาม ยังไม่ตัดประเด็นอื่นทิ้ง และอยู่ระหว่างตรวจสอบประวัติของทั้งผู้ก่อเหตุและผู้เสียชีวิต เพื่อหาความเชื่อมโยงหรือแรงจูงใจเพิ่มเติม พร้อมเร่งติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

https://www.facebook.com/share/v/1AjxGbBeEZ