“พลพีร์” ซัดเดือด “มนพร” โกหกปมดิจิทัลวอลเล็ต ยันโครงการล้มตั้งแต่ยุค “แพทองธาร” เหตุถูก ปปช.ตรวจสอบ – รับมือภาษีทรัมป์

101

พรรคภูมิใจไทย, วันที่ 23 ธ.ค. จากกรณี นางมนพร เจริญศรี อดีต สส.เขต 2 จังหวัดนครพนม พรรคเพื่อไทย ออกมากล่าวหาโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่ไม่ได้ไปต่อ เนื่องจากถูกรัฐบาลเสียงข้างน้อยตัดงบประมาณ เพื่อนำไปสนับสนุนโครงการคนละครึ่งพลัสนั้น ล่าสุด นายพลพีร์ สุวรรณฉวี อดีต สส.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย ออกมาชี้แจงและโต้แย้งอย่างเผ็ดร้อน ระบุว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่เป็นความจริง และเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างชัดเจน

นายพลพีร์ กล่าวว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต “ล้มไปแล้ว” ตั้งแต่สมัยรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร โดยในขณะนั้น นางสาวแพทองธาร อ้างเหตุผลว่าจำเป็นต้องกันงบประมาณไว้รับมือกับมาตรการภาษีของสหรัฐอเมริกา (ภาษีทรัมป์) ซึ่งสอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับคำร้องกรณีที่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน และคณะ มีการโยกงบประมาณไปใช้ในโครงการดังกล่าว โดยไม่เป็นไปตามกรอบที่กำหนด

“เรื่องดิจิทัลวอลเล็ต พอมาถึงยุครัฐบาลแพทองธาร โครงการนี้ มีความเสี่ยงทางกฎหมายแล้ว และเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต ก็เลือกที่จะพับเก็บโครงการไปตั้งแต่ต้น แล้วเอางบ 1.57 แสนล้านบาท ไปทำเรื่องน้ำ เรื่องถนน เรื่องท่องเที่ยว ดังนั้นการได้ทำหรือไม่ได้ทำโครงการ จึงไม่เกี่ยวกับรัฐบาลเสียงข้างน้อย ที่เข้ามาบริหารประเทศต่อเลย” อดีต สส.นครราชาสีมา กล่าว

นายพลพีร์ ยังระบุอีกว่า การที่นางมนพรนำประเด็นนี้ไปกล่าวหา เป็นการใช้เวทีหาเสียงด้วยการโกหกประชาชนอย่างหน้าไม่อายที่สุด เพราะข้อเท็จจริงทั้งหมดปรากฏอยู่ในสื่อมาโดยตลอด “ความจริง นางมนพรควรจะขอบคุณพรรคภูมิใจไทยด้วยซ้ำ ที่เคยร่วมผลักดันโครงการนี้ จนเกิดผลสำเร็จในเฟสแรก แต่เมื่อโครงการมีปัญหา พรรคเพื่อไทยเลือกไม่ไปต่อ พรรคภูมิใจไทยก็ไม่ได้คัดค้าน เพราะเราเป็นพรรคร่วมที่ดี มีมารยาททางการเมืองมาโดยตลอด แต่วันนี้กลับนำคำโกหกมาใส่ร้ายกัน เสียชื่อคนอีสาน เสียชื่อลูกหลานอีสานหมด”

สำหรับโครงการ คนละครึ่งพลัส นายพลพีร์ยืนยันว่า เป็นโครงการที่ใช้งบประมาณที่เหลืออยู่อย่างจำกัด ไม่ได้มีการตัดงบจากดิจิทัลวอลเล็ตแต่อย่างใด เพราะโครงการดิจิทัลวอลเล็ตไม่มีงบให้ใช้ตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้ว “การเมืองที่ดี ไม่จำเป็นต้องปั้นเรื่องโกหกไปหลอกประชาชน เอาความจริง เอาผลงานมาหาเสียงกันดีกว่า การให้ร้ายผู้อื่น ไม่ได้ทำให้ใครสูงขึ้น มีแต่จะทำให้ตัวเองต่ำลงจากคำโกหกที่สร้างขึ้นเท่านั้น”