กรุงเทพฯ, 21 ธันวาคม – รพ.พัทลุง รับมอบรางวัล “นวัตกรรมไทย เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย” หนุนใช้ “วัคซีนป้องกันโรคไอกรนชนิดไร้เซลล์” รายการบัญชีนวัตกรรมไทย พัฒนาโดยฝีมือคนไทย สิทธิประโยชน์ในระบบบัตรทอง ดูประชาชนในพื้นที่เข้าถึงบริการวัคซีนที่จำเป็น ย้ำเชื่อมั่นคุณภาพ มาตรฐาน ผ่านการทดสอบและพิสูจน์นำมาใช้ได้จริง มีประสิทธิผล ปลอดภัย พร้อมร่วมขับเคลื่อนทั้ง “ถุงทวารเทียม-รากฟันเทียม” เพิ่มคุณภาพชีวิตผู้ป่วย
นพ.สุทธิรักษ์ บัวแก้ว ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพัทลุง กล่าวถึงการได้รับรางวัลสนับสนุนการใช้นวัตกรรมเครื่องมือแพทย์ไทยดีเด่น ภายใต้โครงการ “นวัตกรรมไทย เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย” ประเภทรางวัลสนับสนุนการใช้วัคซีนป้องกันโรคไอกรนชนิดไร้เซลล์ดีเด่น จากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ว่า ความสำเร็จดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความพร้อมของจังหวัดพัทลุง ทั้งในด้านระบบติดตามการฉีดวัคซีนและความตระหนักรู้ด้านสุขภาพของประชาชน ส่งผลให้การให้บริการวัคซีนมีความครอบคลุมอย่างต่อเนื่อง

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพัทลุง อธิบายเพิ่มเติมว่า ในช่วง 3–4 ปีที่ผ่านมา พื้นที่ภาคใต้เคยประสบการระบาดของโรคไอกรนค่อนข้างรุนแรง ทำให้ประชาชนตระหนักถึงความเสี่ยงและให้ความร่วมมือเข้ารับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์และเด็กตามข้อบ่งชี้ เมื่อประกอบกับการให้ข้อมูลอย่างต่อเนื่องถึงคุณภาพของวัคซีนที่พัฒนาโดยคนไทย ซึ่งผ่านการศึกษาและมีประสิทธิภาพชัดเจน จึงยิ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนเข้ารับบริการมากขึ้น
“วัคซีนป้องกันโรคไอกรนที่โรงพยาบาลนำมาใช้ เป็นวัคซีนที่พัฒนาโดยนักวิจัยไทย และได้รับการบรรจุเป็นสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) การสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจถึงแหล่งที่มาและคุณภาพของวัคซีน ช่วยให้เกิดความเชื่อมั่นและเกิดการบอกต่อในชุมชน โดยการเข้ารับบริการไม่มีค่าใช้จ่าย ส่งผลให้การฉีดวัคซีนเป็นไปอย่างครอบคลุม” นพ.สุทธิรักษ์ กล่าว

นพ.สุทธิรักษ์ กล่าวด้วยว่า แนวทางการสนับสนุนนวัตกรรมของโรงพยาบาลพัทลุง ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงวัคซีนเท่านั้น แต่ยังขยายไปสู่ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์จากบัญชีนวัตกรรมไทยรายการอื่น ๆ เช่น ถุงทวารเทียม และรากฟันเทียมที่ผลิตโดยคนไทย เนื่องจากเชื่อมั่นว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบและพิสูจน์ประสิทธิภาพแล้ว และมีศักยภาพเพียงพอในการนำมาใช้ดูแลผู้ป่วยในระบบบริการจริง
อย่างไรก็ตามเห็นว่า การขยายการใช้นวัตกรรมไทยในหน่วยบริการยังมีประเด็นที่ควรได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมจาก สปสช. ทั้งในด้านกลไกสร้างแรงจูงใจแก่บุคลากรผู้ปฏิบัติงาน และการบริหารจัดการต้นทุนของนวัตกรรมบางรายการ เพื่อเอื้อต่อการจัดบริการอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยเฉพาะโรงพยาบาลจังหวัดซึ่งยังคงเป็นที่พึ่งหลักของประชาชนในพื้นที่
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพัทลุง กล่าวทิ้งท้ายว่า การผลักดันให้นวัตกรรมทางการแพทย์ที่พัฒนาโดยคนไทยถูกนำมาใช้ในระบบสาธารณสุขอย่างเป็นรูปธรรม ไม่เพียงช่วยยกระดับคุณภาพการดูแลผู้ป่วยให้มีความปลอดภัยและได้มาตรฐานเท่านั้น แต่ยังเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ระบบสุขภาพของประเทศ ลดการพึ่งพาการนำเข้า และวางรากฐานการพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ของไทยในระยะยาว

