พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางไปยังศาลปกครองสูงสุดเพื่อสอบถามเกี่ยวกับความก้าวหน้าของคดีที่ตนได้ยื่นฟ้องพลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในกรณีที่มีคำสั่งให้ออกจากราชการโดยไม่ชอบในสองประเด็นหลัก
ประเด็นแรกเกี่ยวข้องกับการสอบถามเหตุผลที่รองประธานศาลปกครองสูงสุดอาวุโส อันดับที่ 1 ได้ถอนตัวจากการพิจารณาคดีของตน ซึ่งเป็นผลมาจากมติขององค์คณะตุลาการศาลปกครองสูงสุดที่มีการลงคะแนนเสียง 3 ต่อ 2 ว่าคำสั่งของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก่อนที่จะมีการแทรกแซงจากรองประธานศาลปกครองสูงสุดที่อ้างว่าเป็นคำสั่งจากประธานศาลปกครองสูงสุดเพื่อเปลี่ยนแปลงมติให้คำสั่งดังกล่าวชอบด้วยกฎหมาย ในเวลาต่อมา ตนได้ยื่นฟ้องประธานศาลปกครองสูงสุดในข้อหาฝ่าฝืนตามมาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญาต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง หลังจากนั้น มติขององค์คณะถูกคัดค้านโดยประธานแผนกคดี จึงต้องส่งเรื่องให้ประธานศาลปกครองสูงสุดพิจารณา แต่เนื่องจากตนได้ยื่นฟ้องประธานศาลปกครองสูงสุดไปก่อนหน้านี้ ทำให้ตนมีสถานะเป็นคู่ความในคดี จึงไม่สามารถพิจารณาคดีของตนได้ ส่งผลให้คดีต้องถูกส่งต่อไปยังรองประธานศาลปกครองสูงสุดอาวุโส อันดับที่ 1 ซึ่งตนมีความมั่นใจว่าจะได้รับความเป็นธรรม
อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานมานี้ ตนได้รับข้อมูลว่ารองประธานศาลปกครองสูงสุดอาวุโสอันดับที่ 1 ได้ถอนตัวจากการพิจารณาคดีของตน ทำให้ตนเกิดความสงสัยเกี่ยวกับสาเหตุของการถอนตัวหรือการกดดันภายในศาลปกครองที่อาจนำไปสู่การตัดสินใจดังกล่าวด้วยเหตุนี้ ตนจึงได้ยื่นหนังสือถึงรองประธานศาลปกครองสูงสุดอาวุโส อันดับที่ 1 เพื่อขอให้ชี้แจงเหตุผลภายในวันที่ 10 ธันวาคม นี้ หากไม่ดำเนินการดังกล่าว ตนจะถือว่าการปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบและจะดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางในข้อหาตามมาตรา 157 ต่อไป เนื่องจากเห็นว่าการกระทำดังกล่าวไม่ส่งเสริมความยุติธรรมแก่ผู้เกี่ยวข้องในคดีและไม่เหมาะสมกับภาษีของประชาชน
ประเด็นที่สอง ตนได้ยื่นคำร้องให้ตุลาการศาลปกครองสูงสุดกว่า 60 คน ทบทวนมติการรับคดีของตนเข้าสู่การประชุมใหญ่ เนื่องจากมีความพยายามจากประธานศาลปกครองสูงสุดและกลุ่มที่ต้องการแทรกแซงคดีของตน โดยใช้วิธีการให้รองประธานศาลปกครองสูงสุดอาวุโส อันดับที่ 1 ถอนตัว ก่อนที่จะนำคดีของตนเข้าสู่การประชุมใหญ่ ซึ่งอาจนำไปสู่การแทรกแซงและเปลี่ยนแปลงคำตัดสินให้คำสั่งให้ออกจากราชการนั้นชอบด้วยกฎหมาย ตนจึงขอให้ตุลาการศาลปกครองสูงสุดท่านอื่น ๆ ทบทวนมติดังกล่าวและไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มบุคคลบางกลุ่ม หากตุลาการยังคงยืนยันที่จะรับคดีของตนไว้พิจารณาในที่ประชุมใหญ่ ตนก็จะเตรียมฟ้องดำเนินคดีตามมาตรา 157 กับตุลาการศาลปกครองสูงสุดทุกคนต่อไป

