พลเอก สวัสดิ์ ทัศนา ประธานกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ติดตามสถานการณ์ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (7 ธ.ค. 68) ช่วงเวลา 14.00 น. โดยฝ่ายกัมพูชาได้โจมตีมาทางไทยก่อน จะเห็นได้ว่าก่อนการโจมตีแต่ละครั้ง กัมพูชาพยายามยั่วยุทุกวิถีทาง และสุดท้ายคงทนไม่ได้ เพราะไทยรู้ว่าแผนการของกัมพูชาต้องการอะไร เมื่อยั่วยุแล้วไทยไม่ตอบโต้หรือไม่ทำอะไรที่เกินกว่ากติกาสากลหรือหลักมนุษยธรรม กัมพูชาทนไม่ได้ก็ยิงเข้ามา ทำให้เกิดความชอบธรรมที่ไทยจะตอบโต้ เพื่อรักษาธิปไตยของไทย ตนมั่นใจในทหาร ว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ไทยมีความชอบธรรมที่จะตอบโต้ และมั่นใจว่าเมื่อถึงเวลารบแล้วไทยไม่ขลาด
เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้ไทยและกัมพูชาได้ลงนามข้อตกลงสันติภาพ แต่สุดท้ายยังไม่เป็นผล พลเอก สวัสดิ์ ระบุว่า เรื่องนี้จะต้องทั้งสองฝ่าย ไทยได้รักษากติกามาโดยตลอด แต่เมื่ออีกฝ่ายหนึ่งไม่ทำตามก็ไม่มีผล การรักษาสันติภาพตามข้อตกลงจะเป็นไปได้ต้องทำตามกันทั้งสองฝ่าย หากกัมพูชามีความเป็นสากลและมีความเป็นสุภาพบุรุษ แต่ทางไทยกลับไม่ปฏิบัติตาม ก็เกิดความสงบสุขไม่ได้ ที่ผ่านมากัมพูชาใช้วิธียั่วยุฝั่งไทยมาโดยตลอด คิดว่ามีความชัดเจนที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง นานาประเทศทราบดี
เมื่อถามว่ากังวลว่าสถานการณ์จะลุกลามบานปลายหรือไม่ พลเอก สวัสดิ์ กล่าวว่า ตามนโยบายของไทย ไม่ต้องการให้สถานการณ์ขยายอยู่แล้ว แต่เมื่อฝั่งกัมพูชาเปิดมา ไทยก็ต้องทำให้จบโดยเร็ว เพราะหากเวลาเนิ่นนานไปประชาชนจะยิ่งเดือดร้อน
เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นกัมพูชาก็จะใช้วิธีการฟ้องเวทีโลก พลเอก สวัสดิ์ เชื่อว่า เวทีโลกจะเข้าใจในบริบทของกัมพูชาดีพอสมควร เพราะที่ผ่านมากัมพูชาเปรียบเสมือนเด็กงอแง สู้แล้ว สู้ไม่ได้หรือไม่ได้ดั่งใจ ก็ไปฟ้องแม่ เห็นอยู่ว่าเป็นอย่างไร นานาชาติก็คงเห็นเหมือนไทย ไทยไม่ได้เป็นฝ่ายกระทำรังแกหรือรุกราน นานาชาติต้องเห็นความจริงตรงนี้
พลเอก สวัสดิ์ ยังประเมินบทบาทของนายกรัฐมนตรีในสถานการณ์นี้ หลังจากกองทัพอากาศได้ส่งเครื่องบิน F-16 เข้าไปตอบโต้ โดยยังไม่มีคำสั่งจากนายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องการป้องกันประเทศ ในช่วงเช้าวันนี้นายกรัฐมนตรีและฝ่ายความมั่นคง ได้ประชุมกัน เข้าใจว่าตั้งแต่เกิดสถานการณ์เมื่อวานนี้ มีการประสานงานและติดตามสถานการณ์กันอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว คิดว่าในครั้งนี้ ไทยไม่ได้ล่าช้า การตัดสินใจเด็ดขาดชัดเจน กำลังทางอากาศไทยใช้ไปแล้ว แต่อย่างที่บอกต้องเป็นสากล ไทยต้องไม่ไปละเมิดกฎต่าง ๆ คิดว่ารัฐบาลทำได้รวดเร็ว และสมเหตุสมผล เป็นไปตามขั้นตอน
พลเอก สวัสดิ์ ยังกล่าวด้วยว่า เหตุการณ์จะไม่ยืดเยื้อไปจนถึงช่วงสิ้นเดือนมกราคมที่นายกรัฐมนตรีจะยุบสภา โดยย้ำว่าไม่ต้องการให้ยืดเยื้อ เพราะจะยิ่งทำให้ประชาชนเดือดร้อนลำบาก โดยเฉพาะประชาชนตามแนวชายแดนที่ต้องอพยพ
